เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ธีรชัย พรพา หัวหน้าชุดกองป้องกันทรัพยา กรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยา กรทางทะเลและชายฝั่ง พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตชด.ที่415 ระนอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นศาลจังหวัดระนอง ที่ ค.187/2565 เข้าค้นบ้านเลขที่ 68/127-128 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง โดยข้อความของหมายค้นระบุ เพื่อทำกาตรวจยึดของกลางได้และสิ่งของที่เกี่ยวข้อง โดยบ้านหลังดังกล่าวมีการดัดแปลงเป็นโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนมีเจ้าของเป็นข้าราชการผู้นำชุมชนในท้องถิ่นดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบว่าด้านหน้าของบ้านหลังดังกล่าวมีการปิดประตู้รั้ว แต่มีคนอยู่ด้านในเจ้าหน้าที่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ให้ทราบพร้อมแสดงหมายค้นเพื่อให้คนด้านในมาเปิดประตู แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังนายอำเภอเมืองระนองนำกำลังมายังจุดดังกล่าว เพื่อเป็นพยาน แม้ว่าในสถานการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารที่ 25 จะสามารถใช้กฏอัยการศึกได้ก็ตาม เนื่อง จากเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปีนประตูรั้วเข้าไปด้านในเพื่อเปิดประตู เมื่อเข้า ไปด้านในเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวคนที่อยู่ด้านในทั้งหมดประกอบด้วยแรง งานชาวเมียนมา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แม่บ้าน และผู้ดูแลพื้นที่ แต่ไม่พบตัวเจ้าของซึ่งเป็นระดับข้าราชการผู้นำชุมชน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้อ่านหมายศาลจากศาลให้กลุ่มคนทั้งหมดฟังจนเข้าใจ
เมื่อเข้าใจกันแล้วเจ้าหน้าที่ที่ได้กระ จายกำลังออกตรวจค้นทั้งพื้นที่ พบเป็นโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์ขนาดเล็ก มีเครื่องจักรื มีกระสอบอาหารสัตว์ที่แปรรูปที่บรรจุแล้วและกำลังแปรรูป มีรถยนต์จำนวนหลายคัน เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทั้งหมด จากนั้นตรวจสอบพื้นที่โดยรอบพบว่ามีการรุกป่าชายเลนโดยการถมที่ขยายออกไปทั้ง 2 ข้างของอาคารโรงงาน มีการก่อสร้างในพื้นที่ป่าอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ข้าราช การผู้นำชุมชนรายดังกล่าวเข้ามาทำการบุกรุกป่าชายเลนเพื่อทำการก่อสร้างโรงงาน เจ้าหน้าที่ ศูนย์อนุกรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 6 (อ.เมืองระนอง) ได้ร่วมกับ ทหาร ตร.และอีกหลายหน่วยงาน เข้าทำ การตรวจยึด พร้อมแจ้งความดำเนินคดี และให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ แต่เมื่อเวลาผ่าไปจนถึงปัจจุบันนี้จากการตรวจสอบจากภาพถ่ายดาวเทียมกลัพบว่าพื้นที่ดังกล่าวนอกจากไม่มีการรื้อถอนแล้ว ยังมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มอีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องทำการังวัดตรวจสอบอีกครั้งว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าอีกจำนวนกี่ไร่ และหลังจากนั้นจะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเพื่อเข้ามาทำการรื้อถอน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนองดำเนินคดีแก่ข้าราชคนดังกล่าว ซึ่งจากการพูดคุดกับทางอำเภอทราบว่าหากข้าราชการคนดังกล่าวกระทำผิดจริง ให้ดำเนินตามกฎหมายได้อย่างเต็มที่จะไม่มีการปกป้องกัน ทางทางอำเภอเมืองระนองในฐานที่เป็นหัวหน้าก็จะดำเนินการในส่วนของอำเภอเช่นกัน.
Discussion about this post