เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนท บุรี นายพิพัฒน์ ก้อนเมฆอายุ 42 ปี อาชีพค้าขายและทำงานเป็นจิตอาสาอยู่ใน ตลาดสดคลองเตยเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเพื่อให้ช่วยเหลือกรณีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ เกือบ 10 คน อุ้มใส่กุญแจมือรุมทำร้ายร่างกาย ทำให้สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทพร้อมพระเลี่ยมทองหลวงพ่อเกษม รุ่นกริ่ง, อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. โทรศัพท์มือถือ หายไป เหตุเกิด 12 ธันวาคม 65 เวลา 18.00 นตนเองได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน. ท่าเรือไว้แล้ว
นายวิวัฒน์ เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 ธันวาคม 65 ที่ผ่านมาตนเองได้ถูกลูกน้องอดีตนักการเมือง ดักรอที่หน้าบ้านใกล้ ตลาดคลองเตย ก่อนพาตัวขึ้นซ้อนรถ จยย .ไปที่สำนักงาน ของจ่าหมายโดยมี ชายฉกรรจ์และลูก 8-9 คน รออยู่ เมื่อเห็นตนเองจึงได้พูดตะคอกใส่ว่า “กูสั่งไม่ให้มึงเข้ามาในตลาดมึงยังจะเข้ามาอีกเหรอกูอุตส่าห์ติดรูปมึงไว้รอบคลอง เตยแล้วว่ามึงเป็นบุคคลอันตรายไม่ให้มึงเข้ามาในพื้นที่” ตนจึงโต้เถียงไปว่าบ้านตนอยู่ในนี้ทำไมตนจะเข้ามาไม่ได้ทำให้บชายฉกรรจ์โมโหชักมีดยาวในออฟฟิศตรงเข้ามาจะทำร้ายตนแต่ลูกน้องได้ห้ามไว้
จากนั้นชายตนดังกล่าวได้สั่งให้ลูกน้องใส่กุญแจมือตนเองก่อนช่วยกันรุมทำร้ายตนเองจนสะบัก สะบอมได้รับบาดเจ็บ พร้อมยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.ในกระเป๋าตนโทรศัพท์มือถือ ต่อมาภรรยาตนทราบจากชาวบ้านในตลาดว่า ตนถูก ลูกน้องอดีตนักการเมืองและลูกน้องอุ้มมาที่ออฟฟิศ จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่า เรือ เมื่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจมาถึงจ่าหมายอ้างว่าเป็นเหตุเข้าใจผิดไม่มีอะไรตนเองเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย พกอาวุธปืนเข้ามาเพื่อที่จะมายิงเขาซึ่งตนเองก็ได้ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่เรื่องจริง ทางชายคนดังกล่าว และลูกน้อง ยินยอมคืนอาวุธปืนและโทรศัพท์มือถือให้ ส่วนสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองที่หายไปทั้งหมดปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป
หลังเกิดเหตุตนได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือเพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแต่คดีไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากทราบมาว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกน้องของอดีตนักการเมือง เกรงว่าจะได้รับอันตรายและไม่มีความปลอดภัย จึงมาร้องขอความเป็นธรรม จากทนายรณรงค์ให้ช่วยติดตามคดีและทรัพย์สินที่หายไปกลับคืนมาโดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขณะที่ทนายรณรงค์กล่าวว่า คดีนี้ตนเองจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่กองปราบปรามเพื่อให้เข้ามาช่วยทำคดีร่วมกับตำรวจในพื้นที่ เพราะเท่าที่ทราบผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีอิทธิพล เคยต้องคดีฆ่าแล้วออกมา ส่วนที่แอบอ้างเป็นลูกน้องอดีตรัฐมนตรีนั้นก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่แอบอ้างจริงหรือเปล่าหรือเป็นลูกน้องจริงๆ ส่วนความผิดทางด้านกฎหมายก็สามารถเอาผิดได้ในข้อหาทำร้ายร่างกาย,กักขังหน่วงเหนี่ยว,หมิ่นประมาท,ความผิดต่อเสรีภาพ.
Discussion about this post