วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ที่ลานหน้าพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวรวิทย์ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ Chiang Mai Countdown 2023 ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ถึง 1 มกราคม 2566 รวม 3 วัน ณ บริเวณข่วงประตูท่าแพ เพื่อส่งเสริมท่องเที่ยวจังหวัด และเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ภายใต้แนวคิด “Chiang Mai Love is all around” มี น.ส.รัชนี ชมชื่น รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ น.ส.สุลัดดาศรุติลาวัลย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่พ.ต.อ.ไพศาล นันตา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า เชียงใหม่ประสบโควิดมากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ท้องถิ่น จังหวัดได้เริ่มเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่กลางปี ที่ผ่านมา ในช่วงประเพณีเดือนยี่เป็ง หรือลอยกระทงที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้จังหวัดกว่า 1,000ล้านบาท ซึ่งรายได้เชียงใหม่มาจากท่องเที่ยวกว่า 70 %
น.ส.รัชนี กล่าวว่า งานดังกล่าวได้ประดับตกแต่งไฟทั่วลานประตูท่าแพ หน้าพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา และถนนโดยรอบ ซึ่งประดับไฟต้นไม้ด้วยรูปแบบทันสมัย พร้อมนำสัญลักษณ์รูป “กระต่าย” ปีนักษัตรของปี2566 มาประดับตกแต่งตามจุดแลนด์มาร์คเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเช็คอิน เป็นที่ระลึก เพื่อสร้างประทับใจ
นอกจากนี้มีกิจกรรมบันเทิง อาทิ การแสดงดนตรี “Chiang Mai Music of the City”ทั้งแนวเพลง Pop, R&B, Blues, Cultureและ Folk Music Show การแสดง DanceShow แนว Hiphop และ K-Dance ร่วมแชะ@แชร์ ลุ้นรับของรางวัล พร้อมไฮไลท์นับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ จุดพลุ 650 นัด เพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อคืนความสุขให้ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวด้วย
น.ส.สุลัดดา กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่มีวันหยุดยาว 3 วัน นักท่องเที่ยวจองห้องพักกว่า 80 % คาดมีนักท่องเที่ยวกว่า 127,000 คน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งงานดังกล่าวถูกบรรจุในปฏิทินท่องเที่ยวเชียงใหม่ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ทางโซเซียลมีเดียทุกช่องทางทั้งในและต่างประเทศ
พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวว่า เชียงใหม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย อันดับ 3 ของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ เนื่องจากมีระบบรักษาความปลอดภัยและการจราจร พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วเมือง แต่เป็นห่วงเรื่องอุบัตืเหตุมากกว่า เนื่องจากเชียงใหม่ ติดอันดับอุบัติต้นประเทศ โดยเฉพาะจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อค จึงต้องรณรงค์ป้องกันเมาไม่ขับและสวมหมวกกันน็อค เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย
Discussion about this post