วันที่ 28 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการประสานจากนายสำรวล พรหมสะอาดและผู้ปก ครองเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองเหล็ก ต.หนองเหล็ก อ.ศีขร ภูมิ จ.สุรินทร์ ว่าต้องการให้สื่อช่วยนำเสนอข่าว หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(23 ธ.ค.65)ทางโรงเรียนได้นำเด็กนักเรียนไปเข้าค่ายลูกเสืออยู่ที่ตำบลเมืองลีง อ.จอม พระ จ.สุรินทร์ แล้วถูกกลุ่มนัก เรียนจากจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาเข้าค่ายด้วยเช่นกัน รุมทำร้ายแบบ 20 ต่อ 7 คน ระหว่างพักเที่ยง แถมมีอาวุธ ทั้งมีด เหล็ก และไม้ หวังจะเอาให้ตาย ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่สำคัญขณะเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ ครูเข้ามาดูแลห้ามระงับเหตุ ทั้งที่อยู่ในค่าย โดย 1ใน 7 คนนั้น ถูกไม้ตีเข้าที่กกหู ครูต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลให้หมอเอกซเรย์สมอง โชคดีที่สมองไม่เป็นอะไร หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ผอ.โรงเรียน และครู ไม่เคยมาสอบถามอาการ หรือพูดถึงเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น ทั้งๆที่บ้านก็อยู่ติดกับโรงเรียน ที่ต้องการให้สื่อนำเสนอเรื่องนี้ก็เพื่อต้องการให้ ทั้งทางโรงเรียนและค่ายลูกเสือ มีมาตรการในการดูแลเด็กให้มีความปลอดภัยมากกว่านี้ ไม่อยากให้เป็นเรื่องวัวหายแล้วล้อมคอก เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทำไมเด็กถึงมีอาวุธมีดไปเข้าค่ายได้ ถ้าเกิดเด็กตายจะรับผิดชอบไหวหรือ
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 131 ม.5 ต.หนองเหล็ก ซึ่งเป็นนายสำรวล (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี และพบกับผู้ปกครองเด็กนัก เรียนที่ถูกทำร้าย พร้อมทั้งตัวนักเรียนด้วย เป็นเด็กนักเรียนในระดับชั้นมัธยมปีที่ 1-3 โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยครูได้นำนักเรียนไปเข้าค่ายลูกเสือที่ตำบลเมืองลีง ในขณะนั้นก็มีนักเรียนจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ มาเข้าค่ายดัวย ในตอนแรกเมื่อเจอกันก็มีนักเรียนจากโรงเรียนที่มาจากจังหวัดบุรีรัมย์ตะโกนเข้ามาและเกิดท้าทายกันขึ้น จากนั้นในช่วงเที่ยงวัน ขณะที่พักในห้องพักก็ได้มีกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนในจังหวัดบุรีรัมย์ประมาณ 20 คน เข้ามาและดึงเพื่อนของตนออกไปแล้วรุมทำร้าย พวกตนจะได้เข้าไปช่วยเกิดการตะลุมบอลกันขึ้น ซึ่งอีกฝ่ายมีทั้งท่อนไม้ และมีดพกสั้น และช้อนช่อมที่แหลม เข้ามาทำ ร้ายพวกตน ตนถูกตีด้วยท่อนไม้อย่างแรงที่ศรีษะ และได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือด้วย และทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน ก่อนแยกย้ายกันไป โดยขณะเกิดเหตุ ไม่มีเจ้าหน้าที่ของค่าย ครู เข้าดูแลและห้ามเลย หลังเกิดเหตุครูได้พานักเรียน พร้อมตนกลับทันที และนำไปหาหมอ ตรวจอาการ ก่อนพามาส่งที่บ้าน จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไปเลย
นายสำรวล (สงวนนามสกุล) ตาของเด็กชาย บี นามสมมุติ บอกว่า ลูกหลานไปแบบนี้เราก็ฝากชีวิตไว้กับคุณครู และฝากชีวิตไว้กับค่ายตรงนั้น แต่เด็กโดนตีในห้องมันเสียความรู้สึก เพราะสถานที่ตรงนั้นเป็นค่ายใหญ่ ระดับจังหวัดระดับประเทศ แต่ละโรงเรียนให้ความไว้วางใจ แต่เมื่อเด็กไปแล้วความปลอดภัยตรงนั้นมันไม่มีเลย อยากให้ค่ายมีมาตรการให้ดีกว่านี้หน่อย ดีที่เด็กมันป้องกันตัวเองได้ถ้าป้องกันตัวเองไม่ได้ก็ต้องขนเป็นศพมา แล้วทางโรงเรียนก็ไม่ได้ใส่ใจสนใจเด็กที่โดนรุมทำร้ายและบาดเจ็บมา มาครั้งเดียวตอนที่พาเด็กกลับจากโรงพยาบาลมาส่งที่บ้านแล้วก็มาขอโทษ มาขอโทษแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย บอกแค่ว่าเด็กมันทะเลาะวิวาทกัน เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตอนนี้ก็ยังเงียบ ไม่มาเยี่ยมยามถามข่าวเลย ทาง ผอ.โรงเรียนก็เงียบ ขนาดเด็กไปโรงเรียน ผอ. ยังไม่ถามเด็กเลยว่าเป็นอย่างไร แล้วอย่างค่ายก็ต้องมีมาตรการป้องกันชีวิตเด็กด้วย อย่างพวกมีดหรืออาวุธต่างมันเอาเข้าไปได้อย่างไร ต้องช่วยกันตรวจตราตรวจสอบ ไม่ใช่จะรับเงินค่าสถานที่อย่างเดียว แทนที่เด็กเข้าไปจะได้ความรู้แต่กลับได้อันตรายกลับมาแทน ถ้าเด็กไปเข้าค่ายตามดงตามป่ามันทะเลาะกัน มีมีดมีไม้ก็ไม่ว่ากันเพราะมันเอามีเอาขวานไปทำกับข้าว แต่ที่นี่กับข้าวอะไรก็ทำเตรียมให้หมดแล้ว คือมันเตรียมตัวไปเพื่อจะฆ่าคนโดยเฉพาะเลย พอเกิดเหตุมาค่ายก็เมินเฉยพอค่าย โรงเรียนก็เมินเฉยพอโรงเรียน
นายสำรวล บอกอีกว่า ที่ตนต้อง การให้ออกข่าว ก็เพื่อว่าให้ค่ายตรงนั้นมีมาตรการปกป้อง ป้องกันชีวิตของเด็ก และเมื่อมันเกิดเหตุการแบบนี้ค่ายตรงนั้นก็สมควรที่จะต้องพัฒนาขึ้นกว่านี้ เพิ่มมาตร การมากขึ้นกว่านั้น เวลาจะพักเที่ยงหรือเวลาไหนก็ชั่งก็ต้องมีเวรมียามป้องกันเหตุ ไม่ใช่จะให้เด็กไปผจญภัยแบบไม่มีใครดูแล
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าไปโรงเรียนบ้านหนองเหล็ก เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ผอ.โรงเรียน โดยทางครูแจ้งว่า ผอ.ไปราชการ ซึ่งจากการสอบถามครูในโรง เรียน ก็บ่ายเบี่ยงการให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว บอกเพียงแต่ว่าได้ไปพูดคุยกับทางผู้ปกครองของเด็กแล้ว และไม่ขอเผยรายละ เอียดเรื่องดั่งกล่าวที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ให้ไปสอบถามกับทางผอ.โรง เรียนเอง และเมื่อผู้สื่อข่าวขอเบอร์โทรติดต่อ ผอ.ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และเมื่อขอชื่อ-นามสกุล ผอ.โรงเรียนก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ด้วยเช่นกัน.
Discussion about this post