จากกรณีเกิดอุบัติเหตุหมู่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ยารีส สีขาว ทะเบียน ขง 1252 อุบลราชธานี มีนายลิขิต ตารัตน์ อายุ 30 ปี ชาว ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบล ราชธานี เป็นคนขับ โดยมีผู้โดย สารมาด้วยรวม 4 คน พุ่งชนท้าย รถ จยย. ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน 2 กค 5045 อุบลราชธานี ก่อนที่จะเสียหลักปีนเกาะกลางถนนด้วยความเร็วสูงจนรถยนต์เหินฟ้าลอยข้ามเลนไปตกใส่รถ ยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ขจ 768 อุดรธานี อีกคันหนึ่ง ที่กำลังวิ่งสวนทางมาอยู่บนถนน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย คือ นายเสงี่ยม จันทอง อายุ 50 ปี เป็นคนขับรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีดำ นางเสงี่ยม จันทอง อายุ 44 ปี ภรรยาคนขับ นายศุภชัย จันทอง อายุ 19 ปี ลูกชาย น.ส.ศิริวรรณ จันทอง อายุ 18 ปี ลูกสาว และ ด.ญ.นารีรัตน์ จันทอง อายุ 12 ปี ลูกสาว ซึ่งทั้งหมดเป็นพ่อแม่ลูก ครอบครัวเดียวกัน เสียชีวิตทั้งหมด
และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.30 น. ที่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 226 สาย ศรีสะเกษ – อุบลราช ธานี บริเวณหน้าปั้ม พีที ช่วงปากทางเข้าบ้านโนนสังข์ ต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรารมย์ ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายลิขิต คนขับรถต้นเหตุ ใน 3 ข้อหา คือ ขับรถในขณะมึนเมาสุราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ,ขับรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ และ ขับรถโดยประมาท จนทำให้เฉี่ยวชนรถของผู้อื่นจนได้รับความเสียหาย และมีคนเสียชีวิต ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 6 บ้านบก ต.หัวเสือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัว “จันทอง” ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหมู่ 5 ศพ วานนี้ (2ม.ค.66) เป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ มีบรรดาญาติ พี่น้อง และชาวบ้าน รวมทั้งเพื่อนๆของลูกที่เสียชีวิตต่างพากันช่วยกันเตรียมงาน กางเต็นท์ จัดเก้าอี้ เพื่อต้อนรับแขกที่จะมาร่วมงานศพในครั้งนี้ โดยมีการตั้งศพของผู้เสียชีวิตเรียงรายเป็นหน้ากระดาน รวม 5 ศพ เพื่อทำพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนา
ด้าน นายสำรวย วาที หนึ่งในญาติผู้ประสบเหตุ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายเสงี่ยม จันทอง คนขับรถ(ผู้เสียชีวิต) เป็นคนขับรถเก่ง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตาย ไปเอาเงินที่ขายหมู่ได้ จำนวน 2 หมื่นบาท เพื่อจะพาลูกสาวไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดลูกสาว และพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนเส้นทางที่ประสบเหตุนี้ถือว่าเป็นถนนที่เคยขับไปๆมาๆอยู่หลายครั้ง ถือว่าเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยอยู่ เรื่องไม่ชินทางคงไม่ใช่ประเด็นในการประสบเหตุ ทั้งนี้ช่วงก่อนปีใหม่ มีหมอดูมาทักกับ นายเสงี่ยม ผู้เสียชีวิตว่า ช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดีนะ แต่ นายเสงี่ยม ไม่สนใจเพราะเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ แต่ภรร ยาเชื่อ พยายามจะพาไปทำบุญแก้ดวงอยู่หลายครั้ง แต่ นายเสงี่ยม ไม่ว่างไป จนมาเป็นเหตุสลดดังกล่าว
ขณะที่ นายสถิตย์ ดาวทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านบก ต.หัวเสือ อ.ขุขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันก่อนเกิดเหตุตนก็พบปะ ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตตามปกติ ถามว่าจะไปไหนกัน ทางครอบ ครัว “จันทอง” ก็บอกว่าจะไปซื้อของ และจะเอาโทรศัพท์ไปซ่อม และซื้อโทรศัพท์ใหม่ ให้ลูกสาว เนื่องจากวันนั้น (2 ม.ค. 66) เป็นวันเกิดของลูกสาว ที่มีอายุครบ 18 ปี พอตกช่วงบ่ายลูกสาวตนมาบอกว่าครอบครัว “จันทอง” ประสบอุบัติเหตุผู้เสียชีวิตทั้งครอบครัว รวม 5 คน ตนรู้สึกตกใจมาก และยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นความจริง
สำหรับ ครอบครัว “จันทอง” เป็นครอบครัวที่มีความสุขดี ประกอบอาชีพ หลายอย่าง ทั้งเลี้ยงหมู ทำโรงสีข้าว ทำอาชีพการเกษตร ชาวบ้านต่างรักครอบครัวนี้ และต่างไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัว “จันทอง” ซึ่งก่อนเกิดเหตุก็ไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ เป็นปกติทุกอย่าง ส่วนเรื่องงานศพจะมีการสวดพระอภิธรรม ทุกวัน และในวันเสาร์ที่ 7 ม.ค. 66 นี้ ก็จะได้เคลื่อนศพของครอบครัว “จันทอง” ไปทำพิธีฌาปณกิจตามประเพณีต่อไป
ต่อมา นายสำรวย เกษกุล ผวจ. ศรีสะเกษ พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกับญาติพี่น้องของผู้ประสบเหตุ โดยได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในเรื่องนี้จริงๆแล้วไม่มีใครอยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย โดยเฉพาะทางจังหวัด พอเหตุเกิดขึ้นทางจังหวัดก็รีบเข้ามาดูแล ช่วยเหลือผู้ประ สบเหตุทันที ทั้งเรื่องเข้ามาช่วยดูแลว่าทำยังไงจะได้รับค่าสินไหมทดแทนอย่างเต็มที่ และครบถ้วน ไม่อยากให้นายหน้าที่ไหนมาหลอก รวมถึงเรื่องเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ก็มอบให้ทางอำเภอขุขันธ์ เข้ามาดูแล นอกจากนี้ยังให้ทางโรงพยาบาลขุขันธ์ เข้ามาช่วยดูแลสภาพจิตใจที่ได้รับกระทบจากเหตุการนี้ กับ คุณตา และคุณยาย ซึ่งเป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ของผู้เสียชีวิต เพื่อให้มีแรง มีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งต่อสู้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนในเรื่องของความช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ จากที่ดูและสอบ ถามกับส่วนต่างๆแล้ว ทั้งกับทางประกันภัย และทางภาคส่วนต่างๆ โชคดีที่รถยนต์ทั้งสองคัน มีการทำประกันภัยไว้ ทำให้เงินจากประกันน่าจะได้ประมาณคนละ 1.5 ล้านบาท และยังมีเงินจากหน่วยงานอื่นๆอีกหลายแห่ง รวมๆแล้วตกคนละกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งตนอยากให้เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ในการใช้รถใช้ถนน และในการเดินทาง โดยทางจังหวัดเอง ก็ได้พยายามตั้งด่านตรวจ ด่านสกัด ตรวจเข้มการเดินทางแล้ว ก็ยังเกิดเหตุนี้ขึ้นได้ และจากการตรวจจุดเกิดเหตุพบว่า จุดเกิดเหตุเป็นช่วงโค้ง และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เกาะกลางถนนก็เป็นเกาะกลางถนนที่เตี้ยไม่สูงมาก จึงมอบให้ทางแขวงการทางไปตรวจสอบ ถ้าเราจะทำเป็นแบรีเออร์สูงๆยาวๆ กว่านี้ ให้ยาวจนสุดโค้งนี้จะทำได้ไหม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ผ่านไปมาตรงจุดนี้.
Discussion about this post