เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านผาน้ำย้อย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ร่วมแรงทำใจกับขนหินขนทรายผสมปูนก่อสร้างถนน หลังรวบรวมเงินกันเองภายในหมู่บ้านเป็นกองทุนในการจัดซื้อวัสดุในการก่อสร้างถนนเข้าหมู่บ้านผ่านพื้นที่ป่าสงวน ป่าดอยภูคา ป่าผาแดง ระยะทาง 8.6 กิโลเมตร เนื่องจากติดข้อกฏหมายจนทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลพญาแก้ว หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถเบิกงบประมาณมาดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากเจ้าของพื้นที่คือกรมป่าไม้ ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างถนน
โดยชาวบ้านรวมแรงร่วมใจกันติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว หลังทาง องค์การบริหารส่วนตำบลพญาแก้วไม่สามารถเบิกงบประมาณมาก่อสร้างให้ได้ รวมทั้งชาวบ้านได้ทำเรื่องขออนุญาตกรมไม้ก่อสร้างถนนเข้าหมู่บ้านที่ผ่านเขตป่าสงวน ป่าดอยภูคา ป่าผาแดง แต่ไม่ได้รับการอนุญาต
ทั้งนี้ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านผาน้ำย้อย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าลั๊วะ มีการตั้งถิ่นฐานบริเวณดังกล่าวมามากกว่า 100 ปี ก่อนที่ทางการจะประกาศเขตป่าสงวน แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวชาวบ้านได้กันเขตที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ไม่ได้กันเขตถนนหรือทางสัญจรเข้าหมู่บ้านจึงเกิดเป็นข้อติดขัดทางด้านกฏหมาย เพราะช่วงหน้าฝนชาวบ้านมีความยากลำบากในการสัญจร ที่ถนนลื่นเนื่งจากเป็นทางลูกรัง คุณครูที่จะเดินทางเข้าไปสอนมีความยากลำบากมาก ส่วนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ต้องเดินทางไปเรียนข้างล่างก็มีความลำบากในการเดินทางช่วงหน้าฝนที่ถนนลื่น รวมทั้งหน้าแล้งก็มีแต่ฝุ่นสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบากหากเกิดเจ็บป่วยในช่วงหน้าฝนก็เดินทางลำบาก หากเกิดการตายขึ้นมา ตามความเชื่อของชนเผ่าจะต้องนำร่างมาฝังที่ป่าสุสานหมู่บ้าน บางครั้งต้องแบกศพขึ้นไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ โดยประชากรที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวมีประมาณ 200 ครัวเรือน 600 กว่าคน
ด้าน นายสนั่น บุญตัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านผาน้ำย้อย กล่าวว่า มูลเหตุเริ่มต้นของเรื่องราวคือชาวบ้านได้รับความยากลำบากในช่วงหน้าฝนในการสัญจร จึงมีการทำประชาคมหมู่บ้านว่าจะทำงานขอรับบริจาคเพื่อก่อสร้างถนน ก็ทำได้ปีละ 100-200 เมตร ปัจจุบันยังขาดอีก 3,800 เมตร ก็จะทำไปเรื่อยๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพราะคำนวณดูแล้ว หากสร้างได้ปีละ 200 เมตร จะใช้เวลา 19 ปี ลูกหลานที่อยู่จะได้สัญจรสะดวกขึ้น
ด้านนายสมชาย เกตะมะ ท้องถิ่นจังหวัดน่าน กล่าวว่า สำหรับการใช้งบประมาณในการก่อสร้างถนน เส้นผาน้ำย้อยในเส้นทางดังกล่าว ทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้ของบประมาณมาทุกปี และได้รับงบประมาณทุกปี แต่ไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ดังกล่าว เป็นลุ่มน้ำชั้น 1 และชั้น 2 เหตุที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะติดข้อกฏหมายที่ต้องทำการศึกษาวิจัยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งศักยภาพในพื้นที่ไม่สามารถทำได้ รวมทั้งใช้งบประมาณที่สูงมาก จึงไม่สามารถใช้งบประมาณในการก่อสร้างได้
ด้านผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังป่าไม้จังหวัดน่าน ได้ให้ข้อมูลว่า สำหรับพื้นที่ถนนเส้นดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยภูคา ป่าผาแดง และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำน่าน แปลงที่ 32 ทางหมู่บ้านได้ทำเรื่องขออนุญาตมาที่กรมป่าไม้แล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวน ลุ่มน้ำชั้น 1 และชั้น 2 เนื่องจากขาดผลการวิจัยศึกษาผลกระทบแต่เคยให้ข้อแนะนำไปแล้วว่า ให้แยกขอเป็นพื้นที่ที่เป็นส่วนของลุ่มน้ำชั้น 1 ออก เพราะจะต้องทำการศึกษาผลกระทบ แล้วให้ขออนุญาตในส่วนอื่นที่ไม่ใช่ลุ่มน้ำชั้น 1 เพื่อขอใช้งบประมาณตามหน่วยงานปกติได้
ด้านผู้สื่อข่าว จึงสอบถามว่า การกระทำดังกล่าวชาวบ้านสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจะมีความผิดหรือไม่ เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า หากมองในหลักของนิติรัฐ ชาวบ้านย่อมมีความผิดอย่างแน่นอน เพราะกฎหมายที่เขียนมาไม่ได้มีข้อยกเว้น แต่หากมองในแง่ของนิติธรรม ก็อย่างที่เห็น เพราะชาวบ้านไม่ได้ใช้งบของภาครัฐ
@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น
Discussion about this post