ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีที่ นายกันตภณ (น้องวีน) อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 9 ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนปัญญาวุธ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้สอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่น่าจะมีปัญหาและอุปสรรคในการศึกษาต่อ เนื่องจากทางครอบครัวที่นางอำภา สังข์ทอง อายุ 42 ปี ผู้เป็นมารดา เป็นสาวม่ายมีฐานะยากจน
ต่อมาสื่อต่างๆในจังหวัดพัทลุงได้นำเสนอข่าวดังกล่าวไปยังสาธารณชนในการขอสนับสนุนเงินทุนการศึกษาแก่ “ น้องวีน “ และมีผู้มีเมตตาจิตทั้งในและต่างจังหวัดได้โดนเงินผ่านบัญชีเข้ามาช่วยเหลือครอบครับน้องวีนเป็นจำนวนมาก จนทางครอบครัวของน้องวีนได้ปิดบัญชีการรับบริจาคแล้ว
ล่าสุดเมื่อตอนเย็นวันที่ 9 ม.ค.นี้ นายพิเชษ พลอยดำ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 241 หมู่ที่ 9 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวดังกล่าวที่เข้าไปแก้ปัญหาของครอบครับดังกล่าว หลังจากที่สอบติดแพทย์แต่ไม่มีทุนศึกษาต่อเป็นคนแรก และนายสมคิด ทองสง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 5 ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อดีต ผอ.โรงเรียนบางแก้วพิทยา คม อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และ ผอ. โรงเรียนปัญญาวุธ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้เดินทางมาพบสื่อ มวลชน จ.พัทลุง เพื่อให้รายละเอียดเรื่องที่อื้อฉาวดังกล่าว โดยทางด้านนายพิเชษฯ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากทางญาติๆให้เข้าไปดูแลครอบครัวดังกล่าวดูแลครอบครัวดังกล่าว ก็พบว่าครอบครัวดังกล่าวเป็นครอบครัวที่เปราะบาง เป็นครอบครัวที่ยากจนจริงมีรายได้จากการกรีดยางจ้าง-รับซื้อเศษยางประมาณ 300 – 400 บาท บางวันเงินจะซื้อข้าวสารให้ลูกทั้ง 2 คนก็แทบไม่มี เนื่องมีฝนตกหนักไม่ได้ออกไปกรีดยาง ตนจึงนำเรื่องมาปรึกษากับญาติๆและเพื่อนๆว่าจะช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวอย่างไรบ้าง
ต่อมาก็ได้รับการช่วยเหลือเงินในการไปซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช ฯลฯเพื่อช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว และได้นำเรื่องนี้ขึ้นเฟสบุ๊กของตนเพื่อระดมทุนให้เด็กได้เรียนจบ ม.6 สำหรับเรื่องที่ครอบครัวนี้เครียดหนักก็คือเมื่อลูกสอบติดแพทย์จะเอาเงินที่ไหนไปศึกษาต่อ ซึ่งทั้ง 2 คน ต่างก็กอดคอร้องไห้มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับตนนั้นต้องการให้น้องวีนเรียนจบ ม.6 ไปก่อน ส่วนการศึกษาต่อคณะแพทย์ยังมีเวลาที่จะร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ได้ปรึกษากับผู้มีองค์ความรู้ในการแก้ปัญหาเปราะบางในการแก้ปัญหาสภาพจิตใจของครอบ ครัวดังกล่าวด้วย เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สังคมดราม่าว่าครอบครัวนี้ไม่จนจริง ซื้อโทร ศัพท์เครื่องแพงๆให้น้องวีนนั้น นายพิเชษฯ กล่าวว่า น้องวีนไม่ได้เรียนพิเศษจากโรงเรียนจากสำนักนักติวเตอร์ มีการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากฮอนไลน์ เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสอบศึกษาต่อคณะแพทย์ตามความมุ่งมั่นและความฝันของเด็กจึงมีความจำเป็นยิ่ง ถึงแม่จะไม่มีเงินก็ต้องหายืมเงินเขามาโดยมีการผ่อนเป็นงวดๆ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่ออนาคตของลูก การที่สังคมกล่าวโจมตีครอบ ครัวนี้ที่เปราะบางนั้นเพราะสังคมไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของครอบครัวนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องขอขอบคุณโซเซียลที่ได้ทำให้มีผู้มีเมตตาจิตส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวน้องวีนในครั้งนี้ ส่วนคนที่กล่าวโจมตีน้องวีนเขาคงไม่รู้ว่าความลึกตื้นหนาบางของน้องวีนมันคืออะไร และคงไม่รู้ว่าครอบครัวในวันที่ไม่มีจะกินมันเจ็บปวดขนาดไหน และน้องวีนคือต้นกล้าทางการแพทย์ ตนจึงคิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ว่าครอบครัวของน้องนั้นมีความทุกข์บนความโชคดีที่พี่น้องประชาชนได้รับการแบ่งบันจิตศรัทธามาให้
ทางด้านนายสมคิดฯ เผยว่า ได้มีการพูดคุยกันก่อนในก่อนหน้านี้ที่เงินจากผู้มีจิตศรัทธาจะโอนเงินมาช่วยเหลือ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเงินบริ จาคของน้องวีน ประกอบด้วยนายกเทศบาล ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ ตังแทนครู ตัวแทนของครอบครัว โดยตนไม่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว โดยทุกฝ่ายก็รับปากที่จะดำเนินการกันแล้ว ส่วนเงินยอดบริจาคนั้นในขณะนี้มีเงินที่เข้ามาทางระบบบัญชีประมาณ 8 แสนบาทเศษ ส่วนทางอื่นๆตนยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งทุกๆฝ่ายตื่นตกใจกับยอดเงินที่มีผู้จิตศรัทธาโอนเข้ามาช่วยเหลือและได้ปรึก ษากับนายพิเชษฯในการปิดบัญชีดังกล่าว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสามารถดูแล เยี่ยวยาครอบครัวได้แล้ว.
Discussion about this post