
วันที่ 28 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวพบคุณ นงค์นภัทร เข้ามากราบไหว้ พ่อที่โกศเก็บกระดูกบรรพบุรุษ ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันนี้มาจองกุฏิทำบุญให้คุณพ่อที่เสียไปแล้ว คุณพ่อเสียที่นี้ควาทตั้งใจของคุณพ่อก่อนตายแจ้งแล้วว่าจะมาอยู่กับหลวงพ่อปัญญาที่วัดชลประทานเพราะฉะนั้นปกติแล้วคุณพ่อจะมีวัดต้นตระกูลอยู่ที่ทางฝั่งธน เพราะเป็นทหารตระกูลคุณพ่อเป็นทหาร แต่คุณพ่อตั้งใจเลยว่าถ้าพ่อเสียแล้วเอาพ่อมาไว้ใกล้หลวงพ่อปัญญานะ แล้วก็จะมีลานหินตรงนี้ก็จะมีพระเขาเรียนว่าทำบุญทุกวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นคุณพ่อก็เลยบอกว่าการทำบุญตรงนี้พระท่านจะสวดพ่อจะได้อยู่ฟังตรงลานหินแถวนี้หมดเลยเอาพ่อมาอยู่แถวนี้นะ พอคุณพ่อเสียจากโรงบาลก็เอาคุณพ่อเข้าวัดนี้เลย ความรู้สึกก็คืออยู่ตรงนี้มา10กว่าปีแล้วไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะว่าเรามาทำบุญทุกครั้งเราก็มาทำบุญตรงนี้ แล้วก็มีประชาชนส่วนใหญ่ที่เขามีอัฐิตรงนี้ที่เขามักจะมาไหว้ตรงนี้ และก็มันเป็นความคุ้นเคยคว่มผูกพันธิ์
ส่วนเรื่องโครงการที่จะทุบกุฏิแล้วสร้างใหม่ เท่าที่ตนได้ยินมาตรงนี้แถวนี้จะเป็นกุฏิของพระ แล้วคนจะมาทำบุญกันเยอะถ้าจะสร้างเป็นห้องแถวหรือเป็นอาคารชุดหรือเป็นอะไร มันก็ไม่เหมาะอยู่แล้วเพราะว่าตรงนี้เป็นจุดวางอัฐิของญาติ โยมทั้งนั้น ปล้วก็ญาติ โยมส่วนใหญ่ คนที่เขาผูกพันธิ์กับวัดชลประทาน เขาก็จะเอาอัฐิไว้ที่นี้ อย่างคุณพ่อที่มีความประสงค์ว่าถ้าท่านเสียแล้วเอาอัฐิมาไว้ตรงนี้ ทั้งๆที่จะต้องเอาไปไว้วัดต้นตระ กูลที่เป็นทหาร ท่านบอกขออยู่กับหลวงพ่อปัญญามันคือความรู้สึกครั้งสุดท้ายของผู้วายชนม์ที่เขาเสียชีวิตเขายังคิดอย่างนี้ และก็มีอีกหลายคน แล้วลูกหลานที่มาทำบุญทุกคนคิดนะ จะมีคนมาทำบุญกัน วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ จะมีกุฏิรับอาหาร กุฏิดูแล ประ ชาชนแถวนี้ฟรือว่ามาไกลก็มีตนก็มาจาก จ.ปทุมธานี ก็มีหลายคนที่เขาผูกำนธิ์กับที่นี้ และไม่สมควรที่จะสร้างเป็นห้องแถวอาคารชุดหรืออะไรซึ่งนี้เป็นวัดการที่เป็นกุฏิอยู่แบบนี้ไพรเวทแบบนี้มีสถานที่ที่เป็นบ่อน้ำเอาไว้ปล่อยปลาได้และทำบุญตรงนี้เป็นศาลากลางน้ำ เรามีความผูกพันธิ์ คือคิดว่าพุทธศาสนิกชนมีความสุขใจที่ได้ทำบุญแบบนี้มากกว่า
พระลูกวัดที่ถูกทุบกุฏิ กล่าวว่า ในการประชุมท่สนก็บอกจะพัฒนาซึ่งในรูปแบบของการพัฒนาก็คือทำทางให้เดินสะดวก ทำไฟฟ้า ตัดต้นไม้ที่สมควรตัด คือในการพัฒนาพระทุกรูปเห็นด้วย แต่พอหลังๆต้องลื้อแล้วสร้างใหม่ ส่วนหนึ่งก็มีปัญหาของที่พักใหม่ ก็ไปอยู่รวมกับพระใหม่ ซึ่งแต่บะรูปก็มีปัญหาเยอะบ้าง ช่วงแรกบอกว่ากลมชลประทานจะมาเป็นเจ้าภาพจัดให้ทำทางเดินให้เดินสะดวก ทำไฟฟ้าให้นึกไม่ถึงว่าจะโดนทุบกุฏิ พอถูกทุบกุฏิแล้วก็ขอพระอาจารย์อีกกุฏินึ่งซึ่งท่านไปต่างจังหวัดอาตมาก็ขอว่ามาอยู่กุฏินี้ได้ไหม ท่านก็บอกว่าได้ก็เลยได้ย้ายมาอยู่กุฏินี้เท่าที่รู้มาว่าต้องโดนทุบหมดทุกกุฏิ เมื่อก่อนมีประมาน 80 กว่ากุฏิตอนนี้เหลือประมาน 13 กุฏิโดนทุบไปแล้ว 11 กุฏิ ก็มันจะมีแปลนที่หลุดออกมาแต่ไม่เคยเห็นเป็นกิจลักษณะแบบไหนเขาบอกว่ามีวิศวะกรมาออก แบบให้ลักษณะแบบตึกแถวไม่แน่ใจเพราะว่าแปลนมันไม่แน่นอน อาตมาคิดว่าพระทุกองค์ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างกุฏิเก่ามีห้องน้ำในตัว คือต้องมองว่าคนเวลาอยู่ร่วมกันหมู่มากลักษณะนิสัยของคนไม่เหมือนกันการจะตื่นการใช้ห้องน้ำต่างๆนาๆ การที่จะมาอยู่รวมกันแน่นอนปัญหามันก็ต้องมีอยู่แล้วความห่างกันระหว่างช่วงวัยหรือว่าลักษณะนิสะยที่มันแตกต่างกันอย่สงเช่น กรณีห้องน้ำไม่เพียงพอพระ 40- 50 รูปมีห้องน้ำอยู่ 4ห้องมันก็จะแย่งกัน ในกรณีกุฏิเก่าของอาตมาติดต่อลูกหลานไม่ได้ก็เลยต้องโดนทุบไปทั้งอย่างงั้น เขาบอกให้ติดต่อลูกหลาน แต่ว่ากรณีของการติดต่อลูกหลานไม่ได้ ก็เลยต้องทุบทิ้งไปกัยกุฏิเลย ไม่มีการเก็บอัฐิเอามารวมๆกัน ญาติโยมมาเขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงอีกอย่างนึ่งเขาก็ไม่อยากยุ่งกับวัดเพราะวัดก็เป็นเรื่องของพระของวัดเขาก็เลยไม่อยากจะยุ่งด้วย ถ้าญาติรู้ก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว อย่างในกรณีของอาตมาบรรพบุรุษของอาตมา อาตมาก็รักก็ห่วงใย ปีทุกปีก็จะมาทำบุญ มาสังสรรค์กับญาติของเขามาพูดคุยอยู่ต่างสถานที่ต่างจังหวัดเขาก็มารวมตัวกัน ถ้าอัฐิแต่ล่ะกุฏิเก็บไว้ไหมอาตมาก็ไม่แน่ใจตรงจุดนี้ แต่ว่าบางที่ ที่ลูกหลานเขายังมีความนึกคิดอยู่ดขาก็สามารถเข้ามาติดต่อมาเอาไปได้ แต่คนที่อยู่ไกลๆ อยู่ต่างประ เทศแล้วติดต่อไม่ได้ ก็คือจบไปเลย ก็เห็นเขาว่าจะทุบใหม่ทั้งหมด แล้วก็จะสร้างใหม่ กุฏิแรกก็โดนทุบไปแล้ว ย้ายกุฏิสองก็จะโดนทุบอีก ถ้าโดนทุบอีกอาตมาก็คงต้องกลับบ้าน ยังไม่แน่ใจว่าจะสึกไหมต้องดูความเป็นไปแล้วก็ว่าจะตัดสินใจยังไงต่อ.
Discussion about this post