จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเข้ามาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า “วันที่ 30 มกราคม เวลา 15.45 น. มีกลุ่มเด็ก ม.2-3 ราวๆ 20 คน ซึ่งน้องโดนทำร้ายร่างกายที่โรงเรียนย่านบางบัวทองจ.นนทบุรี น้องย้ายไปเรียนได้ประมาณ 2 เดือน ตอนเกิดเหตุมีเพื่อนของน้องไอซ์ 3 คน วิ่งเข้าไปช่วย แต่ช่วยยังไงก็ช่วยไม่ได้ เพราะคนพวกนั้น เขาเล็งแต่แค่น้องไอซ์คนเดียว เลยไม่สามารถช่วยได้ นานกว่า 5 นาที ถึงจะมีครูมาช่วย ในตอนนั้นเลือดของน้องไอซ์ออกเยอะมากๆ ทั้งที่ปาก และหลังหัว แต่ครูของโรง เรียนนั้น ไม่ถ่ายรูปหรือให้ถ่ายวิดีโอเอาไว้เลย ว่าสภาพเป็นยังไงบ้าง เพื่อจะนำไปดำเนินคดีต่อ ครูให้ล้างเลือดเช็ดทุกอย่างออกหมดเลย และเรียกแค่เข้าไปนั่งคุยเฉยๆ และให้ผู้ปกครองมาคุยกัน หลังจากคุยกันวันที่ 30 มกราคม 66 ทางบ้านของน้องไอซ์ ก็ได้พาน้องไอซ์ไปโรงพยาบาล เพื่อให้เอ็กซเรย์ต่างๆ เพราะน้องไอซ์มีการกระทบกระเทือนหลายที่ เพราะที่เสื้อของน้องมีรอยเท้า อยู่เต็มเสื้อเลยค่ะ และมีเลือดออกที่หลังหัว และโดนเข่ากระแทกเข้าหน้า และฟัน ทำให้ฟันของน้องไอซ์ถูกกระแทก ทำให้ฟันล่างเกือบจะหัก 2 ซี่ และมีฟันบนแตก และเป็นแผลใหญ่บวม รอยแผลเต็มตัว มีเลยช้ำเลือด เพราะมีคนนำกุญแจรถมอเตอร์ไซค์กำไว้ที่มือ และต่อยน้อง หลังจากเสร็จจากโรงพยาบาลก็ไปที่โรงพักต่อเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ทางผู้ปกครองของน้องไอซ์ได้ไปคุยกับฝั่งผู้ก่อเหตุ พ่อแม่ของเขาไม่ยอม ฝั่งครูของโรง เรียนย่านบางบัวทองก็เหมือนจะให้ความร่วมมือ แต่ไม่มาก รวมถึงตำรวจของโรงพักบางบัวทองก็เข้าข้างฝั่งคนทำรุมทำร้ายด้วยค่ะ ตำรวจไม่ช่วย เข้าข้างผู้ก่อเหตุ ไม่รับแจ้งความ ไม่พิมพ์สำนวน หรือทำอะไรทั้งสิ้น แถมไล่กลับบ้านเลยด้วยค่ะ ฝั่งของน้องไอซ์ คือไม่มีคนช่วย และไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆค่ะ น้องไอซ์ก็เจ็บแต่เรียกร้องอะไรไม่ได้เลย และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กลับบ้าน”
ต่อมาวันที่ 2ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับนางน้ำเพชร ถีระแก้ว อายุ 46 ปี แม่ของน้องไอซ์ และน้องไอซ์ อายุ 16 ปี (ผู้บาดเจ็บ) เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากทางครอบครัวของน้องไอซ์รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เป็นปัญหากับเรื่องที่เกิดขึ้น และเจ็บใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ และต้องออกค่ารักษาพยา บาลเอง จำนวน 2,900 บาท
น้องไอซ์ (ผู้บาดเจ็บ) กล่าวว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงกีฬาสี คู่กรณีมากัน 3 คน เดินผ่านไปมา ระหว่างนั้นตนได้เดินไปหาเพื่อน ด้วยความที่สายตาตนไม่ดีมองไม่ค่อยชัดทำให้หาเพื่อนไม่เจอเลยเดินกลับ คู่กรณีเดินมาหาตน 5 คน และถามตนว่า “มึงมีอาการหรอ เห็นมองหน้า” ตนบอกว่า “ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้มองหน้าเอ็งเลย” คู่กรณีเลยสวนกลับมาว่า “ไม่ได้มองแม่มึงดิ” ตนเลยรู้สึกว่ามาด่าแม่ตนทำไม และท้าตนให้ไปต่อยในห้องน้ำ ตนเป็นเด็กใหม่กลัวโดนรุมเลยไม่ยอมไป กลุ่มคู่กรณีก็เดินกลับไป ตนเลยเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกรู้จักจะพาไปคุยด้วย แต่คู่กรณีกลับไม่ยอมคุยพร้อมตะโกนด่าตน ตนเลยเลือกที่จะเดินออกไปตรงอื่น คู่กรณีก็ไปตามพวกมาเกือบ 20 คน มายืนล้อมตนและบอกว่า “มึงมีอะไรกับเพื่อนกู มึงเอากับกูเปล่า” และมีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีเดินมาล็อคคอตน ตนสะบัดจึงทำให้ถูกคู่กรณีรุมต่อย ตนเดินหนีแต่มีอีกกลุ่มเข้ามารุมกระทืบ เพื่อนตนมาช่วยแต่ช่วยไม่ไหวเพราะคู่กรณีมีพวกเยอะ ตนจำได้แค่ว่าเหมือนโดนรุมอยู่คนเดียวจนตนนอนไปกองกับพื้น คู่กรณีได้เตะเข่าตนเข้าที่บริเวณปากทำให้ฟันโยกและปากแตก ซักพักคุณครูจึงเข้ามาห้าม พาไปห้องพยาบาลเช็ดเลือดและพาไปห้องปกครอง หลังจากนั้นครูฝ่ายปกครองได้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและก็แยกย้ายกันกลับบ้าน บอกให้รอผู้ปกครองมาพรุ่งนี้ โดยกลุ่มคู่กรณีที่ทำร้ายตนมีทั้งม.2 และ ม.3 เกือบ 20 คน ตนได้รับบาดเจ็บที่ปาก ฟันโยก ท้ายทอยก็มีแผล ตนโดนกลุ่มคู่กรณีกระทืบทั้งตัว ตกเย็นแม่พาตนไปแจ้งความและพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พอไปถึงสถานีตำรวจก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ อีกวันมาโรงเรียนก็ได้มีการพูดคุยกับครู และครอบครัวของคู่กรณี ได้มีการสอบถามถึงค่าเสียหาย แม่ตนเลยเรียกไป 50,000 บาท ทางพ่อของคู่กรณีบอกว่างั้นให้ลูกเขาไปอยู่ในคุกซักพักดีกว่า พูดเชิงว่าตัวพ่อของคู่กรณีก็โตมาในคุก พวกในปากเกร็ดก็มี คุยแบบข่มๆตน หลังจากนั้นเลยพากันไปที่โรงพักพอคู่กรณีเจอตำรวจก็ทักทายแบบคนรู้จักกัน และบอกตำรวจว่าได้มีเรื่องยกพวกตีกัน แต่จริงๆคือคู่กรณียอมรับว่ารุมกระทืบตนตอนอยู่ในห้องปกครองที่โรงเรียนแล้ว ตนไปโรงพักเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปบาด แผลตนและคู่กรณี แต่คู่กรณีพูดเยาะเย้ยทำนองว่า “มีแต่หมัดที่เปื้อนเลือดเท่านั้นที่ไปต่อยปากเขา” หลังจากนั้นตนกลับไปเอากล้องวงจรปิดกับแม่ที่โรงเรียน เจอคู่กรณีกลับมาที่โรงเรียนกับพ่อเขา และพูดว่า “เดี๋ยวโดนอีกๆ” ซึ่งเขากลับมาโรงเรียนโดยไม่รอตนกับแม่เพื่อที่โรงพัก ตนได้กล้องวงจรปิดแล้วจึงกลับมาหาตำรวจเขาบอกว่าทำไมมาวันนี้ ทำไมไม่มาวันอื่น พูดบ่ายเบี่ยง บอกกับแม่และตนว่า “ทำงานตั้งแต่ 8 โมง บ่ายโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย ยังไม่ได้พักเดี๋ยวไปเรือนจำอีก” พูดเหมือนไม่อยากรับคดี ซึ่งแม่ตนและตนเป็นฝ่ายผู้เสียหายจึงได้บอกให้ตำรวจช่วยดูให้ แต่ก็ทำแบบส่งๆไม่ได้เต็มใจ
นางน้ำเพชร (แม่ผู้บาดเจ็บ) กล่าวว่า ลูกตนโดนรุมกระทืบที่โรงเรียนเกือบ 20 คน ตนเลิกงานกลับมาบ้านถึงรู้เพราะลูกไม่ยอมบอก ตนเลยพาลูกไปแจ้งความก่อนเพราะยังไม่ได้คุยอะไรกับครู ลูกอาจจะไม่อยากให้ตนรู้กลัวจะเป็นห่วง ตนได้พาลูกมาลงบันทึกประจำวันเพื่อหวังจะไกล่เกลี่ยเพราะมันเด็กทั้งคู่ไม่อยากให้มีเรื่องอีก แต่พอมาคุยที่โรงเรียนกับคู่กรณี เจอพ่อแม่และคู่กรณี 2 ครอบครัว อยู่ในห้องปกครองก่อนแล้ว ตนเข้าไปพูดคุยเจอคุณครูดีๆก็มีเพราะเขาเห็นว่าลูกตนไม่ผิด บอกให้ตนเอาให้หนักๆเลย ให้ถึงที่สุด ตนนั่งรออยู่กับครอบครัวของคู่กรณี ครอบ ครัวที่ 1 ทางฝั่งนั้นก็บอกให้ลูกเขาซึ่งเป็นคู่กรณีสวัสดีตน รวมถึงพ่อแม่ของคู่กรณีด้วย ตนก็รับไหว้ทั้งที่ลูกตนโดนกระทำจนเจ็บ และพ่อแม่ของคู่กรณี ครอบครัวที่ 1 พูดกับตนว่าปกติลูกเขาไม่เคยเปิดเรื่องกับใคร ถ้ามีเรื่องก็จะหนีเข้าบ้านแต่ทำไมครั้งนี้ลูกเขามากระ ทืบลูกตนแบบนี้ ตนเลยถามกลับว่า “นั่นซิ ทำไมต้องหมาหมู่ด้วย คนเดียวมารุมกันเกือบ 20 คนทำไม” พ่อแม่ของคู่กรณี ครอบ ครัวที่ 1 จึงถามลูกเขาว่ามาทำลูกตนตอนไหน ลูกของคู่กรณีเลยบอกว่ามันมี 2 กลุ่มที่มารุมกระทืบลูกตน ตนได้ยินในขณะที่ยังไม่เห็นคลิปยังอึ้ง และเงียบ เพราะไม่อยากคุยต่อแล้ว ซักพักคุณครูก็เรียกเข้าไป ระหว่างนั้นได้เดินสวนกับคู่กรณี ครอบครัวที่ 2 ที่เป็นคู่กรณีด้วยกัน เขาพูดกับคู่กรณี ครอบครัวที่ 1 ว่า “กูช่วยมึงแล้วนะ” ตนได้ยินแล้วรู้สึกว่าลูกตนต้องไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องมีเส้นมีสายกันหรอ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีและเดินเข้าไปคุยกับคุณครูในห้อง หลังจากนั้นพ่อของคู่กรณี ครอบครัวที่ 2 เลยถามว่าตนจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ซึ่งลูกตนบาดเจ็บฟันโยก ถ้าทำใหม่ซี่นึงประมาณ 7-80,000 บาท และถ้าสมองกระทบกระเทือนอีกจะเป็นยังไง ตนเรียกไป 50,000 บาท กับครอบครัวที่เห็นชัดๆ 5 คน คนที่เห็นไม่ชัดและไม่ยอมรับก็ไม่ได้เรียก ตกแค่คนละ 10,000 บาท ไม่ได้มากมาย พ่อของคู่กรณี ครอบครัวที่ 2 จึงพูดว่า “งั้นยอมให้ลูกติดศูนย์เยาวชนดีกว่า ยอมให้ลูกติดคุกไปเลย เพราะเขาก็โตมาจากในคุก เขาไม่สนใจหรอก เดี๋ยวส่งข้าวส่งน้ำให้นะลูก” เขาหันไปคุยกับลูกเขา หลังจากนั้นจึงไปสถานีตำรวจกัน คู่กรณี ครอบ ครัวที่ 2 ไปถึงก่อน ตนเลยนั่งรอร้อยเวร แต่ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่ตนไปแจ้งความวันแรก ตำรวจคนที่รับเรื่องดีมาก เขาถามตนว่ามาทำไม ตนเลยเล่าให้ฟังว่าเรื่องไม่จบเหมือนที่ตำรวจคนแรกรับเรื่องไว้และให้เบอร์ติดต่อมา ตนเล่าให้ตำรวจฟังว่าเรียกคู่กรณีไป 50,000 บาท ตำรวจบอกกับตนว่าเรียกน้อยไปเพราะทำขนาดนี้ หลังจากนั้นตนจึงนั่งรอร้อยเวรเจ้าของคดี โดยที่คู่กรณีทั้ง 2 ครอบครัวรออยู่ข้างนอก ซักพักร้อยเวรมาเขาก็ทักกับครอบครัวคู่กรณีแบบสนิทสนม ตนคือผู้เสียหายมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกแทนที่เขาจะมาทักตนก่อน มาสนใจตน แต่กลับไปถามเรื่องราว กับฝั่งครอบครัวของคู่กรณี ฝั่งครอบครัวของคู่กรณีได้พูดว่าเรื่องธรรมดา แค่นัดตีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงและไม่เหมือนที่พูดกับคุณครูที่ห้องปกครอง ที่ยอม รับว่าลูกของเขากระทำลูกของตนจริงๆ ต่อว่าลูกเขาทุกอย่าง แต่พอมาถึงโรงพักพูดอีกอย่าง ตนเลยปรี่เข้าไปกลางวงและบอกว่าไม่ใช่ หนังคนละม้วนแล้ว ร้อยเวรหันมาดุตนบอกให้ตนใจเย็นๆ ตนเลยถามว่าจะให้ตนใจเย็นได้ยังไงในเมื่อเรื่องที่ครอบครัวคู่กรณีพูดมันไม่เป็นความจริง ตนเลยขอไปเอากล้องวงจรปิดที่โรงเรียน ในกล้องเห็นลูกตนโดนรุมเยอะมาก เห็นแล้วนึกเลยว่าลูกตนรอดมาได้ยังไง รู้สึกบอกไม่ถูก ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น หลังจากไปเอากล้องวงจรปิดซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ให้ความร่วมมือ แต่พอตนกลับมาโรงพักคู่กรณีก็พาลูกมาส่งโรงเรียนโดยที่ไม่รอไกล่เกลี่ยกับตน ตนโทรเข้าเบอร์ร้อยเวรก็ไม่รับ ให้ประชาสัมพันธ์โทรก็ไม่รับ ซึ่งพอตนเดินมาหาที่ชั้น 2 กลับเจอร้อยเวรนั่งอยู่ พอให้ดูกล้องวงจรปิดก็กระตุก ตนเลยต้องกลับไปเอาคลิปวงจรปิดมาใหม่ โดยตนได้สอบถามร้อยเวรว่าจะให้ตนมาอีกทีวันไหน เขาบอกกับตนว่า “ยังไม่รู้เลย งานยุ่งมากมาทำอะไรตอนนี้ เขามาโรงพักตั้งแต่ 8 โมง บ่ายโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย ยังไม่ได้ออกจากโรงพักเลย” ตนก็เกรงใจแต่อยากรู้ว่าจะนัดวันไหน ตำรวจก็ตอบบ่ายเบี่ยงตลอด จะให้ตนรออะไร ตนบอกไปแล้วว่าตนเดือดร้อน เมื่อวานพาลูกไปหาหมอ พรุ่งนี้ต้องพาลูกไปทำฟัน ต้องจ่ายเงินก่อนและคู่กรณีจะรับผิดชอบมั้ย ร้อยเวรบอกต้องรอเพราะเป็นคดีแพ่ง บอกแค่ยังไม่รู้และให้ตนรอ ตนเลยต้องกลับ เหมือนตำรวจพยา ยามไล่ตนกลับ ตนกลับมานั่งคิดว่ามันคืออะไร นอนไม่หลับ ห่วงลูกว่าจะทำยังไงดี เราต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่ เพราะครอบ ครัวคู่กรณีรู้จักกับตำรวจ ร้อยเวรปล่อยกลุ่มผู้ก่อเหตุกลับไปได้ยังไง ตนยังไม่ได้ความเป็นธรรมหรือรับรู้ความคืบหน้า ยังไม่ได้สอบปากคำ ซึ่งลูกตนก็บาดเจ็บหลายจุด ตอนนี้ยังไม่ได้พาลูกไปหาหมอฟันเพราะกลัวจะแพงตนไม่มีเงินจ่ายก่อน แต่ค่ารักษาพยาบาลได้มีการจ่ายไปก่อนบ้างแล้ว.
Discussion about this post