จากกรณีที่เกิดข้อพิพาทยืดเยื้อ ในพื้นที่เขตกัมมัฏฐาน ด้านหลังวัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี ซึ่งปัจจุบันเป็นทั้งที่อยู่ของพระสงฆ์และที่จัดเก็บอัฐิญาติโยมผู้ล่วงลับ แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565 ได้มีการนำรถแบ็คโฮและคนงาน เข้ารื้อถอนศาลาธรรมและกุฏิพระ 11 หลัง จากทั้งหมด 82 หลัง ส่งผลให้พระลูกวัดบางส่วนได้รับความเดือดร้อน ต้องขนของออกจากกุฏิตั้งแต่กลางพรรษา อีกทั้งยังไม่แจ้งญาติโยมที่เก็บอัฐิบรรพบุรุษไว้ตามกุฏิต่าง ๆ ทำให้เกิดความกังวล เกรงว่าจะมีอัฐิถูกทำลายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นกล้าจากพุทธคยาเจดีย์ ที่ใน หลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานให้ปลูกไว้ที่วัด ในเขตกัมมัฏฐาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2554 ถูกถอนทำลาย จึงนำไปสู่การร้องเรียน โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อทั้ง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสและหน่วยงานรัฐบางหน่วย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 และ 157
ล่าสุด พระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ได้มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักพุทธ จ.นนทบุรี และนายอำเภอปากเกร็ด ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง โดยมีญาติโยม และพระลูกวัด รวมไปถึงพระสุจินตนินท สุภกโร หัวหน้าเขตกัม มัฏฐาน ที่ออกมาคัดค้านการพัฒนาวัด ร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
ทนายอนันต์ ยืนยันว่า วัดชลประทานฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาวัด ตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 3 มกรา คม 2562 ที่เห็นชอบจัดประชุมโครงการวัดประชารัฐสร้างสุข โดยเนื้อที่ทั้งหมดของวัดมี 59 ไร่เศษ แบ่งเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตพุทธานุภาพ เขตธรรมมานุภาพ รวมเนื้อที่ 37 ไร่ ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเขตสังฆานุภาพ หรือเขตกัม มัฏฐาน มีเนื้อที่ 22 ไร่ พบว่า อยู่ในสภาพทรุดโทรม สมควรที่จะพัฒ นาให้ดีขึ้น แต่กลับมีพระสงฆ์ 36 รูป แยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่ร่วมสังฆกรรมกับวัด เกิดความไม่พอ ใจ เพราะเสียผลประโยชน์จากการเก็บเงินปัจจัยค่าสวดอัฐิจากญาติโยม จึงออกมารวมตัวกับฆาราวาสบางส่วนคัดค้านการพัฒนาวัด รวมถึงยังบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ ยืนยันว่า ได้มีการย้ายมาปลูกที่บริเวณหน้าวัดแล้ว
ทนายอนันต์ชัย ยังบอกอีกว่า ขณะนี้เจ้าอาวาสวัด ได้ออกคำสั่งให้พระลูกวัดทั้ง 36 รูป ออกจากเขตสังฆานุภาพ หรือเขตกัมมัฏฐาน ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ (13 ก.พ.) หากขัดขืนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมายต่อไป
ด้านพระสุจินตนินท สุภกโร หัว หน้าเขตกัมมัฏฐาน เปิดเผยกัยทีมข่าวภายหลังร่วมฟังการแถลงข่าว ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่อ้างว่าพระลูกวัดไม่ยอมย้ายออก เพราะเสียผลประโยชน์ ทั้งจากเงินปัจจัยญาติโยม สีกา และยาเสพติด ล้วนไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาพระลูกวัดเพียงแค่พยายามปกป้องรักษาเจตนารมย์ของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาส ที่ให้ยึดหลักความสมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ เท่านั้น ทั้งนี้ หากคำสั่งให้ย้ายออกภายใน 30 วัน มีการลงนามชื่อเจ้าอาวาสอย่างชัดเจน ทางพระลูกวัดก็จะยอมย้ายออกแต่โดยดี
พระสุจินตนินท สุภกโร หัวหน้า
เขตกัมมัฏฐาน ทั้งนี้ ทางวัดชลประทานฯ ได้จัดเตรียมกุฏิไว้รอง รับพระลูกวัดที่ต้องย้ายออกจากเขตกัมมัฏฐานทั้งหมดไว้แล้ว รวมถึงยังได้จัดสร้างช่องเก็บอัฐิของญาติโยม ไว้ที่บริเวณกำแพงวัด ซึ่งมีกุญแจล็อคอย่างดี ญาติที่ประสงค์จะย้านอัฐิ สามารถโทรศัพท์ติดต่อวัดชลประทานฯได้.
Discussion about this post