ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.30 น.พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจโครง การน้ำบาดาลที่เลาขวัญที่รัฐบาลหมายหมั้นปั้นมือว่าจะเป็นโครงการใหญ่นำร่องแก้ภัยแล้งให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกำลังเดินหน้าอีกหลายโครงการทั่วประเทศของเราตามสโลแกนติดหู “มีเราไม่มีแล้ง” นับเป็นการลงพื้นที่เพื่อขยับกลไกทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 4 อำเภอกาญจนบุรีอย่างเร่งด่วน
จากนั้นเวลา 16.30 น.วันเดียวกันนี้ พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ สลัดบทบาทรองนายกฯ สวมเสื้อใหม่เปลี่ยนสถานะเข้าโหมดเลือกตั้งเป็น“ลุงป้อม ใจบันดาลแรง หัว หน้าพรรคพลังประชารัฐ”มารวมกับพลพรรคผู้บริหารและผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้วยกคณะรวมพลังไปสักการะศูนย์รวมใจของคนเมืองกาญจน์และคนไทยทั้งชาติหลายที่แห่ง เริ่มที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช , ศาลหลักเมือง , พระราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 3 (ผู้สร้างเมือง) , สักการะรูปหล่อหลวงปู่เปลี่ยนที่วัดไชยชุมพลชนะสง คราม (วัดใต้) แล้วยังถือเคล็ดนักรบอยุธยาทำพิธีปลุกขวัญก่อนทำศึกด้วยการลอดซุ้มไชยชุมพล ที่ในอดีตคือสถานที่รวมพลังใจทัพทหารก่อนออกทำศึกเมื่อครั้งต้นกรุง แล้วยังไปร่วมสักการะรำ ลึก “ต้นโพธิ์ทรงปลูก ของในหลวงรัชกาลที่ 9” ที่วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) อันเป็นศูนย์รวมใจและนับเป็นกิจกรรมสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีของพสกนิกรในพระองค์มาอย่างยาวนานที่กาญ จนบุรี โดยในเวลาเดียวกันนี้ ที่ลานกิจกรรมปราศรัยริมแม่น้ำแคว กลางเมืองกาญจน์ ที่มีพี่น้องประ ชาชน กว่า24,000 คน ต่างมารอฟังการปราศรัย มีกิจกรรมการปราศรัยอุ่นเครื่องของบรรดาสมา ชิกพรรคและว่าที่ผู้สมัคร เวลา 18.20 น. พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางมาถึงท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น เสียงต้อนรับของบรรดาแม่ยกแฟนลุงป้อมดังสนั่นข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง ลุงป้อมเดินทักทายพี่น้องประชาชน ก่อนมีการเปิดชม วีดิทัศน์ “เปลี่ยนคน เปลี่ยนเมือง” ที่มีเนื้อหาว่าคนกาญ จนบุรีอึดอัดกับบทบาทการทำงานของนักการเมืองที่ไม่ใส่ใจประชาชน ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยกันเลือกคนใหม่ที่ตั้งใจกว่า จากนั้น ก็มีการเปิดเวทีปราศรัยของผู้สมัครทั้ง 5. คน รวมไปถึง แบบบัญชีรายชื่ออีก1 คนตามลำดับเขต 1 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ (ผู้ว่าใหม่) อดีตผู้ว่าฯ 5 ปี ซ้อน รู้จริง และมีผลงานต่อเนื่องมายาว นาน เขต 2 นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ ( สจ.ชูเกียรติ) คนรุ่นใหม่ ใกล้ชิดชาวบ้าน อยากทำงานและพร้อมมาก เขต 3 พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ (ผู้การจี) มุ่งมั่นทำงาน เก๋า และ ใกล้ชิดพื้นที่มาโดยตลอด เขต 4 นางลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง (สจ.ลำยอง) นักการเมืองผูกขาดในท้องที่ ที่หวังให้ลุงป้อมช่วยแก้แล้งให้แผ่นดินเกิด เขต 5 นายประเทศ บุญยงค์ (นายกประ เทศ) นายกฯทองผาภูมิ ที่แสนมั่นคง ลุย สส.หวังแก้ที่ดิน น้ำ คนชาติพันธุ์ และแบบบัญชีราชชื่อ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ (ซ้อเจน) ส.ส.หลายสมัย รู้กลไกระดับพื้นที่ถึงระดับรัฐบาล มีพลังผลักดันได้จริง ซึ่งผู้สมัครทุกคน ทุกเขต ต่างมีลีลาการปราศรัยหลายรูปแบบทั้งดุดัน จริงจัง แสดงความตั้งใจมั่นใจ และรู้จริง มีประ สบการณ์ และนับว่าเป็นปรา กฏการณ์การหาเสียงที่ไม่ค่อยเห็นในจังหวัดที่ผู้สมัครที่ผ่านมาในอดีตไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะปราศรัยบนเวที ในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะให้พรรคส่งคนมาช่วยปราศรัย ซึ่งต่างจากเวทีนี้ที่ทุกคนทุกเขตได้ปราศรัยเรียกคะแนนกันอย่างดุเดือดและประทับใจผู้ฟัง
จากนั้น เป็นการปราศรัยของตัว แทนจากพรรคพลังประชารัฐ เริ่มต้นด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมต.หลายกระทรวง สายเลือดเมืองกาญจน์ วันนี้มาปรา ศรัยใหญ่เวทีบ้านเกิด จึงเอาแนวคิดแนวทางเชื่อมประเด็นในพื้นที่ สู่กลไกพรรคและรัฐบาลมาเป็นจุดแข็งจุดขายของพรรคต่อพื้นที่ ทำเอาภาพกาญจนบุรีในอนาคต คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมาทันใดหลังเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังฉายภาพโอกาสที่ ลุงป้อม จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ฟังอีกด้วยเรียกได้ว่าทำเอาชาวบ้านซี๊ดปากกันเลยทีเดียว ความหวังในการผลักดันนโยบายให้เป็นจริง และแก้ปัญหาสร้างโอกาสให้จังหวัดกาญจนบุรี ก็คลายจะใกล้ความจริงขึ้นมาในทันใด
จากนั้น ก็ถึงเวลาสำคัญถึงคิวเปิดตัว”ลุงป้อม”ขึ้นเวทีปราศรัยโดยมีผู้บริหารพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ยืนต้อนรับเป็นการแสดงพลังพร้อมหน้ากันบนเวที วินาทีที่ลุงป้อมเปิดตัว ใครจะนึกว่าจู่ๆลุงจะปรากฏตัวขึ้นมากลางเวที มาแบบไม่เหมือนใคร เรียกเอาเสียงเชียร์สั่นลั่นเมืองกันเลยทีเดียว ลุงกล่าวปราศรัย เริ่มจากปัญหาน้ำ ที่ดินทำกิน ที่ลุงป้อมทำอย่างต่อเนื่องมานานแล้ว และเริ่มเข้ามาแก้ปัญหาให้กาญจนบุรีไปแล้วและกำลังเร่งสำรวจ ดำเนินการแก้ทุกจุดอย่างเร่งด่วน งานเยอะ จึงอยากให้มี ส.ส.ในพื้นที่ช่วยกันชี้เป้า รับฟัง ผลักดันติดตามโครงการต่างๆให้เต็มที่ เลยขอให้พี่น้องชาวเมือง กาญจน์ช่วยกันเลือกคนเก่ง คนตั้งใจเข้าไปทำงาน จึงอยากให้เลือกผู้สมัครทุกคน ทุกเขต ที่พรรคตั้งใจคัดสรรมา นอกจากนั้นยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองและพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการเป็นคนกลางในการเชื่อมให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง,การเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างอนาคตให้บ้านเมือง และยังทิ้งท้ายกระชากใจเนื่องในวันวาเลนไทน์ขอมอบความรักให้พี่น้องประชาชนทุกคนและขอให้คนไทยรักและสามัคคีกันช่วยกันทำพาสังคมประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยความสุข
จากนั้นมีการประกาศปักธงพรรคพลังประชารัฐที่กาญจนบุรีอย่างยิ่งใหญ่ แล้วมีการถ่ายภาพร่วมกับพี่น้องประชาชนที่เนืองแน่นเต็มพื้นที่ แล้วจึงโบกมือลาพี่น้องประ ชาชน และขอให้ทุกคนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ เรียกเอาเสียงเฮลั่นอีกครั้ง บรรยากาศทั่วไปเต็มไปด้วยความชื่นมื่น อบอุ่นและพรรคหวังว่าจะเป็นเวทีหนึ่งที่จะยกระดับการรณรงค์หาเสียงให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้แรชนวคิด แนวทาง เกิดความมั่นใจในตัวผู้สมัครและพรรค และลงคะแนนกันอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้.
Discussion about this post