
เมื่อ วันที่ 1 มี.ค.2566 ที่วัดชลประ ทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งทางวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ออกคำสั่งให้พระลูกวัดในเขตกัมมัฏฐานที่ขัดขวางพัฒนาวัด ย้ายออกภาย ใน 30 วัน มีคำสั่งดังนี้ ด้วย วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง ได้ดำเนินการพัฒนาวัดตามเดิมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ ให้วัดต่างๆเข้าร่วมโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข พัฒนาวัดตามแนวทาง ๕ ส. ซึ่งทางวัดได้ พัฒนามาแล้วรวม ๒ เขตคือ เขตพุทธานุภาพ และเขตธรรมานุภาพ ขั้นต่อไปทางวัดจำเป็นจะต้องพัฒนา เขตสังฆานุภาพ มีเนื้อที่ ๒๒ ไร่ มีกุฏิเก่าอยู่ ๘๑ หลังศาลาเก่า ๑ หลัง รวม ๘๒ หลัง ได้รื้อถอนไปแล้ว จำนวน ๑๑ หลัง คงเหลือ ๗ด หลัง การพัฒนาวัดในเขตดังกล่าวจำเป็นจะต้องรื้อถอนกุฏิเก่าที่พักอาศัยของ พระภิกษุในเขตที่เคยเป็นเขตกัมมัฏฐานซึ่งเป็นพื้นที่จะต้องพัฒนาเป็นเขตที่ ๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.๒๕๐๕ ,พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๔) ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของเจ้าอาวาส จึงขอให้พระภิกษุทุกรูปที่ได้ร่วมกันลงชื่อร้องเรียนไปยังหน่วยงาน ต่างๆซึ่งอาศัยอยู่ในกุฏิในเขตซึ่งเคยเป็นเขตกัมมัฏฐานดังกล่าวย้ายออกจากกุฏิที่พักอาศัย ไปพักอาศัย ณ กุฏิที่ทางวัดเตรียมไว้รองรับแล้ว เพื่อทางวัดจะได้ทำการพัฒนาตามโครงการต่อไป
๑.พระภิกษุที่สอนและศึกษาพระปริยัติธรรมติดต่อกับพระมหาสุรศักดิ์ ธนปาโล ป.ธ.๙ / ๒.พระภิกษุที่สอนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ติดต่อกับพระปลัดสัณหวัช ณฏฐวชิโร ต.พระภิกษุทั่วไปติดต่อกับพระมหามานพ ปญญาวชิโรและพระมหารวย กิตติวณุโณ ภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ล่าสุดพระลูกวัดได้เริ่มทยายขนของออกจากกุฏิ เพื่อไปยังกุฏิที่ทางเจ้าอาวาสวัดได้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมทั้งทางญาติได้เดินทางเข้ามาทุบที่เก็บอัฐิเพื่อนำอัฐิไปไว้ที่วัดอื่น ซึ่งบางคนทางญาติได้นำอัฐิไปลอยอังคาร ส่วนศาลา ต่างๆที่ญาติของผู้เสียชีวิตได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักกับประชาชนที่เข้ามาทำบุญ ก็ได้รื้อออกและนำไปถวายที่วัดอื่นเพื่อทำบุญ.
Discussion about this post