
เมื่อเวลา 22:00 น.วันที่ 8มีค.66 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ธีรพงษ์ เดชอัมพรภิญโญ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งจากนายจุมพล ดวงสีทา กำนัน ต.นาแขม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่9ได้ควบคุมตัวแก๊งเรี่ยไรที่สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมรัก ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่ที่ 9 ซึ่งได้ถูกสั่งปิดสำนักไปแล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาแต่มีพระสงฆ์และฆราวาสเข้าออกสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวทุกวัน จึงได้จับตาดูความเคลื่อนไหวและทราบว่ามีพระภิกษุสงฆ์8รูปและรถยนต์กระบะจำนวน 6 คันเข้าออกและมีการติดป้ายเรี่ยไรไว้ข้างรถทุกคัน โดยรถกระบะดังกล่าวจะออกจากสำนักปฏิบัติธรรมช่วงเช้าและกลับเข้ามาในช่วงเย็น ซึ่งมีพระสงฆ์นั่งรถกระบะออกไปทุกคัน หลังจากเห็นว่ารถยนต์กระบะ 6 คันกลับเข้ามาภายในสำนักปฏิบัติธรรมแล้ว จึงโทรแจ้งตำรวจและรายงานให้นายอำเภอทราบ
ในเวลาต่อมานางวัชราภรณ์ แตงหมี นายอำเภอกบินทร์บุรี มอบหมายให้เรืออากาศโทภรสิทธิ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภออาวุโส ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับตำรวจกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับได้ประสานไปยังเจ้าคณะอำเภอกบินทร์บุรีซึ่งมอบหมายให้พระอธิการอมร กะตะธัมโม เลขาเจ้าคณะตำบลนาแขมเข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบกลุ่มพระสงฆ์8รูปฆราวาสทั้งชายและหญิง 12 คน รถยนต์จำนวน 6 คัน พบขวดเหล้าและเบียร์ที่กินหมดแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งพระสงฆ์ปฏิเสธว่าไม่ได้ดื่มเหล้าภายในวัดขวดเหล้าที่เห็นน่าจะเป็นฆราวาสซื้อมากินเอง พระเลขาได้ตรวจสอบใบสุทธิของพระสงฆ์ดังกล่าวไว้ตรวจสอบ ซึ่งพระสงฆ์ที่อยู่ในสำนักกล่าวว่าเป็นพระสงฆ์จริงและถูกนิมนต์ให้นั่งไปกับรถเพื่อออกเรี่ยไรตามพื้นที่ต่างๆจริง และจะยินยอมออกจากพื้นที่เพราะไม่รู้มาก่อนว่าสำนักแห่งนี้ถูกปิดเมื่อถูกนิมนต์มาก็มาตามคำนิมนต์ของพระด้วยกัน ซึ่งบอกว่าพักอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ การออกเรี่ยไรแต่ละครั้งจะมีรายได้วันละประมาณ 3,000 บาทเศษ แต่ไม่มีใครยอมรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่ได้ออกเรี่ยไรแต่ละวันนั้นอยู่ที่ใดใครเป็นคนเก็บ และยังยอมรับอีกว่าได้ปัจจัยมาก็จะนำไปซื้อกับข้าวมากินภายในสำนักปฏิบัติธรรม ตำรวจจึงนำตัวมาเปรียบเทียบปรับที่สภ.
นายชุมพล ดวงสีทา กำนันตำบลนาแขมกล่าวว่าได้รับร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้านว่า ที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้มีพระสงฆ์และกลุ่มบุคคลเข้ามาอาศัยอยู่หลายเดือนแล้วจึงได้ให้เฝ้าดูความเคลื่อนไหว หลังจากที่สืบทราบแน่ชัดแล้วว่ากลุ่มพระสงฆ์และบุคคลดังกล่าวติดป้ายรถออกเรี่ยไรตามพื้นที่ต่างๆจริง ช่วงเย็นที่ผ่านมาจึงได้ให้ทางผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซุ่มดูความเคลื่อนไหว จนกระทั่งกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาสดังกล่าวกลับเข้าสำนักปฏิบัติธรรมหมดแล้ว จึงมาทำการควบคุมตัวไว้สอบสวน ซึ่งทุกคนยอมรับว่าเพิ่งมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมเพราะมีคนบอกให้นำรถมาวิ่งบอกบุญเรี่ยไรสมทบทุนสร้างพระอุโบสถกลางน้ำที่ศูนย์วิปัสสนาวัดสว่างอารมณ์ป่าเช้าโคกหอม ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจากการสอบถามเจ้าอาวาสได้รับคำตอบว่าไม่ทราบเรื่อง ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย การออกเรี่ยไรของกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาสกลุ่มนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าเงินที่เรี่ยไรได้แต่ละวันไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทนั้นนำไปไว้ที่ไหนอาจเป็นไปได้ว่าได้เงินเรี่ยไรมาแล้วนำมาใช้จ่ายกันเอง อยากให้ทางสำนักพุทธหรือพระสงฆ์ที่ทราบข่าวนี้ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาสกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้มาอาศัยศาสนาหากินแบบนี้ต่อไป พระสงฆ์และฆราวาสทั้งหมดเป็นคนต่างจังหวัดทั้งสิ้น
Discussion about this post