เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 ที่จังหวัดนครปฐมผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายเชาว์” แฉ รพ.ดังจังหวัดราชบุรี ทำคลอดคนไข้ซี่โครงหัก 8 ซี่ตายคา รพ. ไร้การเยียวยาครอบครัวคนตาย ญาติติดใจดำเนินคดีถึงที่สุด ชี้ เป็นอีกหนึ่งเคสความห่วยระบบ สธ. ไทย จี้ อนุทิน รับผิดชอบ เหน็บ มาตราฐานระบบสาธารณสุขไทยคือตัวชี้วัดผลงานว่า “พูดแล้วทำ” จริงหรือไม่
นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แชร์ข้อความ โดยการโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Face book Chao Meekhuad กรณี “ญาติคาใจโรงพยาบาลดังแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ได้ดำเนินการทำคลอด ซึ่งทำให้คลอดซี่โครงหักถึง 8 ซี่เสียชีวิตคาโรงพยาบาล”มีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวานนี้(15 มี.ค.66)ผมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตามที่ได้รับการร้องเรียน ขอความช่วยเหลือจากนายโสภณ อยู่แสงชาวบ้านในจังหวัดนครปฐมให้เข้ามาดูแลด้านคดีความ กรณีที่โรงพยาบาลดังแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรีได้ทำคลอดภรรยาของตนเองจนเสียชีวิตตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ซึ่งต่อมาโรงพยาบาลดังกล่าวได้ออกแถลง การณ์ว่า”ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ทราบว่ทีมทางแพทย์ พยาบาล และบุคลากรของโรงพยาบาล ได้ทำการรักษาและช่วยชีวิตคนไข้ ตามชั้นตอนมาตรฐานวิชาชีพอย่างสุดความสามารถแล้ว”จึงไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายใดๆตามที่ญาติผู้ตายติดใจเรียกร้อง จนขณะนี้ญาติยังไม่ฌาปนกิจศพผู้ตายและยังร้องขอให้พนักงานสอบสวนส่งไปผ่าพิสูจน์พิสูจน์ศพอีกครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจหลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจพิสูจน์ศพจากโรงพยาบาลราชบุรีมาครั้งหนึ่งแล้ว
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุต่อไปว่า ทางญาติผู้ตายพึ่งได้รับผลการตรวจศพของกลุ่มงานนิติเวช จากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พบข้อเท็จจริงจากรายงานการตรวจศพว่า “ในส่วนสภาพศพภายในบริเวณช่องอกพบกระดูกซี่โครงซี่ที่ 2-5 หักทางด้านหน้าทั้งสองฝั่งสันนิษฐานเกิดจากการกดหน้าอก” หลังจากทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้เพิ่มน้ำหนักสาเหตุการตายมากยิ่งขึ้น ว่าการตายของภรรยาตนน่าจะเกิดจากการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโรงพยาบาลที่ไม่ได้มาตราฐานในการรักษา แม้กระทั่งการผายปอดหรือทำซีพีอาร์ผิดวิธีถึงขั้นทำให้ผู้ป่วยกระดูกซี่โครงหักถึงแปดซี่จึงติดใจที่จะเรียกร้องและดำเนินคดีดีเรียกร้องความรับผิดชอบจากโรงพยาบาลและดำเนินคดีนี้อย่างถึงที่สุด
“เป็นอีกหนึ่งเคสที่พบเห็นบ่อยในความห่วยของระบบสาธารณสุขไทย ผมได้รับเป็นทนายเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับครอบครัวอยู่แสงให้ถึงที่สุด และขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขช่วยลงมาดูเรื่องนี้ด้วยเพราะมาตร ฐานระบบสาธารณสุขไทยคือตัวชี้วัดผลงานท่านว่าพูดแล้วทำจริงหรือไม่” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย.
Discussion about this post