จากกรณีที่ มีผู้หญิงอายุ 37 ปี มีอาการหมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก เนื่องจากมีแผลผ่าตัด ก่อนจะตรวจสอบและยืนยันว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เวลา 05.00 น. วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและร้อยเวร สภ.วังน้อย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเก็บพยานแวดล้อมไว้เป็นหลักฐาน โดยทางผู้ตายติดต่อกับคลินิกผ่านทางเฟซบุ๊กตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ซึ่งทางคลินิกจะมีซิลิโคนให้เลือกหลายรุ่น ผู้ตายเลือกใช้ รุ่น Motiva silk ราคา 71,500 บาท และมีค่าตรวจเลือดเพิ่มอีก 2,000 บาท ซึ่งทางผู้ตายได้จ่ายเงินมัดจำก่อน 5,000 บาท จากนั้นก็เลือกวันที่จะมาทำผ่าตัดคือ 23 มีนาคม และไปผ่า ตัดมีการตรวจเลือดตามโปรแกรมที่คลินิกระบุ ซึ่งผู้ตายเดินทางไปถึงคลินิกดังกล่าว และเริ่มทำการผ่าตัดตอนประมาณ 21.00 น. ผ่า ตัดเสร็จใช้เวลา 2 ชั่วโมง จนถึง 23.00 น. จากนั้น ผู้ตายจะบ่นอยู่ตลอดว่า มีอาการปวดตามร่างกายและรู้สึกเพลีย มีอาการไอร่วมด้วย จนกระทั่งตี 4 น้องสาวลงมาดู พบว่าผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่ที่โซฟาและมีธาตุไฟแตก ฉี่รดที่นอน ซึ่งพยายามปลุกยังไงก็ไม่ตื่น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุดวันที่ 28 มี.ค.66 เวลา 14.30 น. พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด ร่วมกับ พ.ต.ท. ก้องพิสิษฐ์ พฤกษาชีวะ รรท.รองผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด และกองกฏหมายสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจสอบคลินิกดังกล่าว บริเวณเมืองทองธานี ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปาก เกร็ด ต.คลองเกลือ จ.นนทบุรี ปรากฏว่าทางคลินิกให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่และให้ตรวจสอบซิลิโคนที่ผู้ตายเลือกใช้ ห้องผ่าตัด และยาที่ใช้ในการผ่าตัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการสั่งปิดคลินิกทันที เนื่องจากทางคลินิกไม่มีใบรับอนุญาติรับรองในการผ่าตัด และจะต้องดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากการสอบถามนายชาตรี เจ้าหน้าที่กองกฏหมายสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่จะเปิดคลีนิคคุณต้องขออนุญาตเป็นห้องผ่าตัดใหญ่ การที่จะทำต้องมีวิสัญญีแพทย์ ถ้าไม่มีแบบนี้ทางตนและทางสสจ.ต้องดำเนินคดี เพราะไม่ได้รับใบอนุญาต และต้องออกคำสั่งปิดสถานพยาบาล ตามจังหวัดสั่งการ ส่วนเรื่องประมาทเป็นเรื่องของผู้เสียหายดำเนินการ.
Discussion about this post