
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ เวทีปราศรัย วัดลาดทราย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครอยุธยา นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย โดยมี นายบุญเชิด ศิริยศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 นาย พิตติพรรธน์ พรรณธนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 4 นายภูมินทร์ มงคลกาย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 5 นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 3 แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้องชาวอยุธยา มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังหลายพันคน
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนดีใจที่เห็นพี่น้องชาวอยุธยามารับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก พปชร. เนื่องจากพรรคมี นโยบายเพื่อประชาชนออกมาจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ และรับรู้นโยบายดีๆ ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ นโยบายดูแลผู้สูงอายุ และนโยบายมารดาประชารัฐ ซึ่งพรรคดูแลได้ทุกกลุ่ม และทำได้ทันที
ที่ผ่านมา พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ประสานทุกฝ่าย และมีส่วนสำคัญทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ บริหารประเทศได้ 4 ปีเต็ม ซึ่งพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถือว่ามีเศรษฐกิจที่ดี ค้าขายขยายตัวเจริญรุ่งเรือง ลูกหลานมีอาชีพ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ สำคัญอย่างยิ่ง คือความสงบสุข ที่จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุน ในอยุธยาเพิ่มขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประชาชนบางส่วนยังประสบปัญหาความยากจน พปชร. ไม่เคยมองข้าม โดยที่ผ่านมาได้ร่วมผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่อ. บางบาน ที่มีปัญหามาก ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ผลักดันให้มีการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 สายเพื่อเร่งระบายน้ำไม่ให้เกิดการท่วมขัง หากพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายก เพิ่มเงินเป็น 700 บาทแน่นอน ต้องบอกว่า วันนี้มีสีเสื้อไม่มีอีกแล้ว หาก บ้านเมืองยังมีปัญหา ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นักการเมือง ประชาชน ทะเลาะกัน หากเลือกเรา พปชร. ก็จะได้พรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ที่ได้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทำงานให้ประชาชน เพราะเราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราทำทุกนโยบายได้ทันที การจัดตั้งรัฐบาลได้ ความขัดแย้งไม่เกิด เราต้องจับมือ เลือกตั้งพรรคที่ดี ไม่ได้เลือกตั้งเพราะเปลี่ยนประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร เรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องปกป้องรักษา ดังนั้นวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้อง ประชาชน เลือกทั้งคนและพรรค เพื่อให้ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน

ด้าน นายสันติ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง และขอให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล
นายสันติ กล่าวต่อว่า นอกจากนโบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน เรายังมีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345 678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท
ทั้งนี้ นายสันติ กล่าวถึงการเสียชีวิตของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม พรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสียใจเป็นอย่างยิ่งที่สูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพและเต็มไปด้วยศักยภาพ ซึ่งก็คงเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ 1 เมษายน 2566 พล.อ.ประวิตร และตน พร้อมคณะ จะเดินทางไปร่วมพิธีรดน้ำศพ
เมื่อถามว่าจะมีผลกระทบกับการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีความมั่นใจกับชาวพี่น้องจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากนายชนม์สวัสดิ์ ได้ทำคุณงามความดี และพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพี่น้องประชาชนทราบเป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชนชาวสมุทรปราการจะให้การสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 8 เขตอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 3 กล่าวย้ำ พรรคพลังประชารัฐมีนโนบายสำคัญคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ส่วนตัวอยากทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมช่วยเหลือพัฒนา เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น
Discussion about this post