หลังจากที่ทางสมาคมผู้ประกอบการ พยายามยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาพระราชบัญ ญัติควบคุมอาคารและพระราชบัญญัติโรงแรม เพื่อให้พวกตนเข้าสู่กฎหมายที่ถูกต้อง ไม่ตกเป็นจำเลยของสังคมอีกต่อไป วันที่ 4 เมษายน 2566
ที่ศูนย์ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ เขต 1 จังหวัดสตูล นายอัมรินทร์ ศาลากิจ เลขานุ การสมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะ พร้อมกรรมการและสมาชิกสมาคม เดินทางเข้าพบนายรอสี ใบกาเด็ม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อยื่นหนังสือผ่านไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อให้รับทราบปัญหาของผู้ประกอบการร้านค้าบนเกาะหลีเป๊ะ หลังจากที่ได้เซ็นคำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั่งเป็นประธานแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะจนเป็นที่มาของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นนั้น
โดยใจความ เพื่อส่งหนังสือร้องขอให้มีการขับเคลื่อนการปฏิรูปแก้กฎกระทรวงฉบับที่ 35 พุทธศักราช 2535 โดยแนบสำเนาเอกสาร 7 ฉบับ คือ 1.คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562 เรื่องมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท 2. สำเนากระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมพุทธศักราช 2559 และ 3.สำเนากฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2561 4.สำเนากฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2564 5.สำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3753/2563 ลงวันที่ 20 สิงหาคมพุทธศักราช 2563
6.สำเนากฎกระทรวงฉบับที่ 35 พุทธศักราช 2535 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพุทธศักราช 2522 และ7. บัญชีรายชื่อผู้ประกอบการโรงแรมที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 111 แห่งร้านค้า 250 แห่งรวมผู้ประ กอบการและลูกจ้างกว่า 4,500 คนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
โดยเลขานุการสมาคมฯ ระบุว่า คาดหวังว่าการยื่นหนังสือในครั้งนี้ผ่านผู้สมัครส.ส. เขต 1 จังหวัดสตูลถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่แต่งตั้งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั่งประธาน แก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ได้รับทราบปัญหาและข้อเดือดร้อนของผู้ประกอบการทุกคนที่ ซึ่งขณะนี้ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ จึงขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือและขอชี้แจงข้อเท็จจริง 7 ข้อคือ1 ผู้ประ กอบการและชาวเลอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมานานกว่า 30 ปี 2 ผู้ประกอบการไม่เคยนิ่งนอนใจตอบปัญหาการประกอบกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนมากได้ยื่นคำร้องขอใบอนุญาตโรงแรมโดยตลอดแต่ภาครัฐไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้ได้เนื่องจากติดในข้อกฎหมายกฎกระทรวงฉบับที่ 35 พ.ศ.2535 ออกตามความพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพุทธศักราช 2522 ที่กำหนดให้สิ่งปลูกสร้างบนเกาะหลีเป๊ะเป็นได้เพียงที่อยู่อาศัยเท่านั้น และจากปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้การใช้อาคารบนเกาะหลีเป๊ะเพื่อกิจการอื่นที่ไม่ใช่ที่พักเป็นการใช้อาคารผิดประเภทด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการจึงตกเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากข้อกฎหมายดังกล่าวและกลายเป็นผู้กระทำผิดโดยมิได้เจตนา
3 ขอให้นายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศคำสั่งคสชที่ 6/2562 เรื่องมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรง แรมบางประเภทจะเห็นได้ว่าคำสั่งฉบับนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศได้ปรับปรุงแก้ไขการใช้อาคารผิดประเภทในการประกอบธุรกิจโรงแรมและยกเว้นโทษทางอาญาให้ผู้ประ กอบการเพื่อที่จะได้ประกอบธุรกิจโรงแรมอยู่ในระบบและถูกกฎหมาย 4 จากที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาลและคณะลงเกาะหลีเป๊ะเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินข้อพิพาทระหว่างชาวเลอุรักลาโว้ยบางกลุ่มกับผู้ประกอบการบางรายนั้นมีข้อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องระดับจังหวัดและส่วนกลางให้ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นทั้งการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินพระราชบัญญัติโรงแรมและพระราชบัญญัติก่อสร้างส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งหมดบนเกาะหลีเป๊ะต้องถูกดำเนินคดีรุนแรงถึงขั้นรื้อถอนอาคารและอาจปิดกิจการในที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนโยบายของรัฐบาลและคสชที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยออกคำสั่งอนุโลมผ่อนผันและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้แก้ไขปรับปรุงการใช้อาคารให้ถูกกฎหมาย 5 จากการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายตามข้อ 4 ข้อคำสั่งมุ่งเน้นตรวจสอบและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินและมีการแจ้งให้ทราบโดยทั่วว่าหลังจากเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินแล้วจะมีการจัดสรรแบ่งที่ดินทำกินให้ชาวเลออุรักลาโว้ยซึ่งประเด็นนี้เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มเอาไปใช้ประโยชน์ในการปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยกหวาด ระแวงแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างชาวเลออุรักเราโว้ยและผู้ประกอบการบนเกาะหลีเป๊ะจนนำมาซึ่งปัญหาทางสังคมที่อาจจะส่งผลรุนแรงในอนาคต
เกาะหลีเป๊ะเป็นเพียงเกาะเดียวที่ไม่สามารถสร้างอาคารเพื่อใช้ประกอบกิจการทางพาณิชย์ใดๆได้เลยเนื่องจากติดกฎกระทรวงฉบับที่ 35 ที่ระบุว่าอาคารที่ปลูกสร้างบนเกาะหลีเป๊ะเป็นได้เพียงที่อยู่อาศัยดังนั้นผู้ก่อสร้างอาคารบนเกาะหลีเป๊ะทุกรายจึงกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนกฎกระทรวงฉบับที่ 35 โดยไร้ทางเลือกกฎกระทรวงฉบับนี้จึงเป็นกฎหมายที่ทำลายภาคท่องเที่ยวไม่ตรงกับนโยบายเศรษฐกิจในปัจจุบันและไม่เป็นธรรมนำมาซึ่งความเดือดร้อนของประชาชนบนเกาะหลีเป๊ะ 7 ผู้ประกอบการไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับชาวเลอุรักลาโว้ยและหน่วยงานราชการแต่เป็นประชา ชนผู้ได้รับผลกระทบจากข้อกฎหมายที่ผ่านการดำเนินการจากหน่วยงานราชการมาหลายห้วงเวลาดังนั้นในนามสมาคมผู้ดังนั้นในนามสมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะจึงขอความอนุเคราะห์มายังท่านโปรดถามมาตรการและแนวทางชะลอการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและพระราชบัญญัติโรงแรมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ประกอบการจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยน แปลงการใช้อาคารแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดกฎกระทรวงปี 2564 และขออนุเคราะห์มายังท่านช่วยผลักดันแก้ไขปรับปรุงยกเลิกกฎกระทรวงฉบับที่ 35 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพุทธ ศักราช 2522 ให้เป็นวาระเร่งด่วนของชาติเพื่อลดความขัดแย้งในสังคมและป้องกันความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและท่องเที่ยวของประเทศไทย
สำหรับเกาะหลีเป๊ะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ คนทั้งคนไทยและต่างชาติสร้างรายได้เข้าจังหวัดสตูลเกินกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี เป็นแหล่งสร้างรายได้หลักให้แก่จังหวัดสตูลและประ เทศไทยจากสถานการณ์ข่าวที่ออกไปยังภายนอกขณะนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อชาวอุลักเราโวยที่หันมาประ กอบอาชีพเรือท่องเที่ยวกว่า 400 ลำและชาวบ้านที่เปิดร้านค้าบนเกาะรวมถึงลูกจ้างสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ.
สโรชา ยกชม / สตูล
Discussion about this post