ป.ป.ช.ภาค 5 แถลงผลป้องกันปราบปรามการทุจริต ในช่วงปี 65 /66 เพียง 4 หน่วยงานเกือบสูญเงินงบประมาณกว่า 84 ล้านบาท

นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 พร้อมด้วย นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนัก งาน ปปช.จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้แทนสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม นักงาน ปปช. และชมรมสตรอง ฯ จังหวัดแม่ฮ่อง สอน แถลงผลการดำเนินงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 5 และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังวัดในเขตพื้นที่ภาค 5 ณ ห้องประชุมโรงแรมอิมพีเรียลแม่ฮ่องสอนรีสอร์ท เพื่อแก้ไขปัญหาป้องกัน ปราบปรามการทุจริต การตรวจคนเข้าเมือง และการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว

นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 กล่าวว่า การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ ภาค 5 ช่วงปี 65 ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียน จำนวน 819 เรื่อง และรับใหม่จนถึง 31 มีนาคม 2566 มีจำนวน 258 เรื่อง รวมเป็น 1,077 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 409 เรื่อง เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 668 เรื่อง ส่วนเรื่องที่คณะกรรมการมีคำสั่งไต่สวน ในปี 2565 จำนวน 354 เรื่อง และรับไต่สวนเพิ่มเติมปี 66 จำนวน 144 เรื่อง รวมเป็น 498 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 104 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 394 เรื่อง สำหรับในพื้นที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.แม่ฮ่องสอน มีเรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 47 คดี และอยู่ระหว่างไต่สวน 21 คดี

ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 5 กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในพื้นที่รับผิดชอบ ป.ป.ช.ภาค 5 แต่ละจังหวัด เช่น การดำเนินการตรวจสอบระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ อ.แม่พริก จ.ลำ ปาง พบสูบไม่ขึ้น เครื่องพังตั้งแต่น้ำท่วมปีก่อน และดำเนินการแก้ไขแล้ว และโครงการอื่น ๆ อีกหลายโครงการ ได้ให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแล้วบางโครงการอยู่ระหว่างดำเนินงานยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนระบบประปาหมู่บ้านพื้นที่ อ.ท่าวัง ผา จ.น่าน ได้รับการแก้ไขแล้ว การชี้มูลความผิดของอดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กับพวก ซึ่งมีส่วนได้เสียโครงการถมดินปรับพื้นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงนามในสำนวยการไต่สวน และเสนอให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.ลงนามหนังสือ เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องดำเนินคดีอาญาและส่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัย รวมทั้งเรียกชดใช้ค่าเสียหายความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ การดำเนินคดีอดีตรองปลัดเทศบาลตำบลเวียงฝาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ฐานทุจริตกรณีเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดซื้อวัสดุสำนักงาน ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดดังกล่าว รวมจำคุก 432 เดือน นอกจากนี้ยังได้ดำเนินคดีกับอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน กับพวก รวม 7 คน ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตจัดซื้อวัสดุ (ไม้ หิน )ในการจัดทำฝายหินทิ้ง 8 หมู่บ้าน 10 จุด เป็นเงิน 704,110 บาท เพื่อใช้บรรเทาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตตำบลแม่เงา ปีงบประมาณ 2554 โดยไม่มีการจัดซื้อวัสดุ จัดทำเอกสารหลักฐานการจัดซื้อและการเบิกจ่ายเงินเป็นเท็จ โดยมีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ให้ผู้ถูกกล่าวหาคืนเงิน จำนวน 704,110 บาท ที่ถูกประทุษร้ายไปคือองค์การบริหารส่วนตำบลแม่เงา ส่วนผู้ร่วมกระทำความผิดให้ลงโทษทางวินัย ให้ออกจากราชการ ส่วนคดีเจ้าหน้าที่การเงินกองคลัง องค์ การบริหารส่วนตำบลแม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ยักยอกเงินจำนวน 26 ล้านบาทนั้น ผู้กระทำความผิดให้ออกจากราชการไปแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนและติดตามเส้นทางการเงิน แม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพก็ตาม คนเดียวคงทำไม่ได้ และเรียกสอบไปแล้วอีก 7 คน จะต้องนำผู้กระทำผิดที่ร่วมกระบวนการมาลงโทษให้ได้

นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 กล่าวต่อไปว่า นอกจากการปราบปรามการทุจริตแล้ว สำนักงาน ป.ป.ช.แต่ละจังหวัด ยังได้ทำการป้องกันโดยการประชา สัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้หน่วยงานทั้งราชการ ท้องถิ่น และภาคเอก ชน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจากการกระทำความผิดส่วนใหญ่อยู่ที่หน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. บางแห่ง รองลงมาคือหน่วยงานราชการบางหน่วยงาน ขณะเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบบางโครง การยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ บางโครงการดำเนินการไปแล้วอยู่ระหว่างอายุประกันสัญญา ซึ่งใน 4 หน่วยงานที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่ผ่านมา รวมเงินงบประมาณมากกว่า 87 ล้านบาท ถ้าเราไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลจากประชาชน ถ้าหากมีความเสียหายเกิดขึ้น เราจะสูญเสียเงินงบประ มาณไปถึง 87 ล้านบาท ประชา ชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เมื่อประชาชนแจ้งเข้ามา เราก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทันที ให้มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้ถูกต้อง และประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด แต่อย่างไรก็ตามการชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.บางคดียังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพาก ษาของศาลอันถึงที่สุด.