
วันที่3พค.66 ที่วัดต้นโพธิศรีมหาโพธิ ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี อปท.ร่วมกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนร่วมงานสืบสานประเพณีงานบุญบั้งไฟ ชาวบ้านร่วมกันทำบั้งไฟมาจุดขอฝนความเชื่อของประเพณีบุญบั้งไฟ ปรากฏอยู่ใน ตำนานเรื่องพญาคันคากและเรื่องผาแดงนางไอ่ มีการกล่าวถึงการจุดบั้งไฟเพื่อบูชาพญาแถน โดยเฉพาะในเรื่องพญาคันคาก ซึ่งตำนานนั้นมีอยู่ว่า…
พญาคันคาก เป็นพระโพธิสัตว์ เสวยชาติเป็นโอรสของกษัตริย์ เหตุที่ได้ชื่อว่า “พญาคันคาก” เป็นเพราะเมื่อครั้งประสูติมีรูปร่างผิวพรรณเหมือนคางคก หรือที่ชาวอีสานเรียกกันว่า คันคาก และถึงแม้พระองค์จะมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่พระอินทร์ก็คอยช่วยเหลือ จนพญาคันคากเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน จนลืมที่จะเซ่นบูชาพญาแถน พญาแถนจึงโกรธ ไม่ยอมปล่อยน้ำฝนให้ตกลงมายังโลกมนุษย์
จึงเกิดศึกการต่อสู้ระหว่างพญาคันคากและพญาแถนขึ้น โดยพญาคันคากได้นำทัพสัตว์ต่างๆ ขึ้นไปรบ จนได้รับชัยชนะ พญาแถนจึงปล่อยให้ฝนตกลงมาเช่นเดิม แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาเป็นประจำทุกปี จึงเป็นที่มาว่า ชาวอีสานจึงทำบั้งไฟจุดขึ้นบนฟ้าถวายพญาแถน เพื่อฝนจะได้ตกต้องตามฤดูกาล
การจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟนั้น ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในภาคอีสาน โดยมีหลายที่ทั้ง ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุดรธานี หนองคาย มหาสารคาม ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู เลย อำนาจเจริญ นอกจากนี้แล้วในพื้นที่ภาคเหนือ มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่นำประเพณีบุญบั้งไฟจุดเพื่อขอฝนตามความเชื่อโดยการริเริ่มของพระครูวิมล โฆธิเศษเขต อดีตเจ้าคณะตำบลโคกปีบ
นางดวงฤดี เตชะสา ชาวบ้านกล่าวว่าตั้งแต่มีการสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟมา หลังจากจุดบั้งไฟเพื่อขอฝนตามความเชื่อทำให้ฝนตกลงมาทำให้เกษตรกรได้ทำไร่ไถนาตามฤดูกาลได้
นายประสิทธิ์ นามทอง ไวยาวัจกรวัดกล่าวว่าบุญบั้งไฟเป็นแนวคิดริเริ่มของอดีตเจ้าอาวาสทำได้นำประเพณีนี้มาจากทางภาคอีสาน เพื่อให้บรรดาญาติโยมได้จุดบั้งไฟขอฝนจากเทพเทวดาชั้นฟ้าเพื่อฝนจะได้ตกลงมาตามคำขอ ชาวนาชาวไร่จะได้มีน้ำใช้เพื่อการทำการเกษตร ในการจุดบั้งไฟในครั้งนี้แต่ละกลุ่มที่นำบั้งไฟมาจุดนั้นระยะเวลาในการจุดเกิน 3 นาที เชื่อกันว่าบั้งไฟถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงเท่าใดเทวดาจะให้ฝนมากเท่านั้น
Discussion about this post