
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.66 นายกัมพล พานทอง กำนันตำบลพังราดอ.แกลง จ.ระยอง และ นายสุริยา อายุยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่6 พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้รวมตัว กันบริเวณ พื้นที่สวนทุเรียนหมู่บ้านชากตาอู่ ม.6 ต.พังราด พร้อมชูป้ายที่มีข้อความว่า” พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นบ่อน้ำสาธารณะประโยชน์ ให้ชาวบ้านใช้ร่วมกัน แต่ตอนนี้มันหายไปไหน” รวมถึงถนนเข้าออก(ถ.กลาวทุ่ง) มีการสร้างประตูเหล็กปิดกั้น พร้อมเขียนป้ายว่า ทางส่วนบุคคล ทั้งที่เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเข้าออกมาหลายสิบปี
นายกัมพล พานทอง กำนัน ต.พังราด ได้กล่าวว่า การรวมตัวของชาวบ้านในวันนี้ เนื่องมาจากกรณี ที่สระน้ำของหมู่บ้าน ที่อยู่ ตรงริมถนนกลางทุ่ง ม.6 ต.พังราด ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดประมาณ 150 ตารางวา ซึ่งเป็นสระน้ำที่ใช้งบประมาณของราชการในสมัยนั้น มาขุด เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว โดยให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ปรากฎว่า สระน้ำดังกล่าวได้หายไป ถูกถมและกลายเป็นสวนทุเรียนไปแล้ว ซึ่งสระน้ำดังกล่าว มีพยานซึ่งเป็นชาวบ้านและอดีตผู้ใหญ่บ้านที่รับรู้ ส่วนถนนกลางทุ่ง ที่ทางเจ้าของสวนทุเรียนได้สร้างประตูเหล็กแบบถาวรแน่นหนา พร้อมเขียนป้ายว่าทางส่วนบุคคล ซึ่งความจริงแล้วทำไม่ได้ เพราะมีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญา การซื้อทางดังกล่าว จึงไม่สามารถที่จะปิดกั้นได้ จึงต้องการให้ผู้กระทำรืัอออก ส่วนเรื่องการถมสระน้ำ ได้มีการแจ้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแกลงแล้ว
ด้านนายสุริยา ผู้ใหญ่บ้านหมู่6 ได้กล่าวว่า ชาวบ้านที่ต้องอาศัยเส้นทาง และ ต้องการใช้น้ำ ต้องการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เพื่อให้รืัอ และ คืนสระน้ำ เพราะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน สามารถยืนยันได้ ว่า สระน้ำมีอยู่จริง และ ขุดโดยงบประมาณของราชการ ซึ่งเป็นที่ดินที่เจ้าของที่ดินมอบให้หลวง แต่พอมาถึงเจ้าของที่ดินรุ่นลูก กลับไม่ตรวจสอบดำเนินการถมไปโดยไม่มึการตรวจสอบ จึงขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
นายสมใจ อายุยืน อายุ 80 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน พื้นที่ดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่มีสระน้ำ จนกระทั่งเจ้า ของที่ดินได้มอบที่ดินให้กับราช การ เพื่อไปขุดเป็นสระน้ำสาธาร ณะใช้ร่วมกัน โดยชาวบ้านใช้ร่วมกันมาตลอด จนกระทั่งมาถูกถมไป ส่วนเส้นทางที่มีการทำประตูปิดกั้น มีหลักฐานการซื้อขาย โดยทำเป็นทางสาธารณะผ่านเข้าออก โดยเส้นทางดังกล่าวได้มีการเชื่อมต่อกับที่ดินที่ชาวบ้านมอบให้ทำทางจนไปทะลุอีกเส้นทางหนึ่ง มีการปักเสาไฟเข้าไปแล้ว และ กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงเส้นทาง จึงขอให้ทางเจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นอาจจะไม่รู้ข้อเท็จจริง ว่า ทางบรรพบุรุษได้มีการยกที่ดินให้กับหลวงไปแล้ว จึงดำเนินการไป
ด้านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแกลง หลังได้รับการร้องเรียน เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ.
Discussion about this post