เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 พฤษภา คม 2566 นายบาคาน อันทะสาร อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ม.2 ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดร ธานี อาชีพสารถีขับรถสกายแลป (สามล้อเครื่อง) เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เจษฎา ว่องไว สว.(สอบ สวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น.ของวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่จอดรถสามล้อเครื่อง นอนหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.ประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี มีคนร้ายเป็นชายขโมยทรัพย์สินในกระเป่าสะพายสีดำ ที่แขวนไว้ข้างรถสาม ล้อเครื่องไป
นายบาคานฯ ให้การว่าตนมีอาชีพขับรถสามล้อเครื่องรับจ้างทั่วไป หลังจากเลิกงานก็จะขี่รถสามล้อเครื่องไปนอนพักตามสวนสาธาร ณะและสถานที่ต่างๆ ได้มีนายสนอง สุวรรณดี เพื่อนตนที่เป็นคนดูแลโรงแรมแนะนำให้มานอนบริเวณหน้าโรงแรม เนื่องจากมีไฟส่องสว่าง ซึ่งได้มาพักอาศัยบริ เวณนี้ได้ประมาณ 7-8 วัน โดยเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนก็มาจอดรถสามล้อเครื่องรอรับคนโดยสารและนอนพัก จากนั้นก็มีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี คล้ายคนเร่ร่อน เดินมาขโมยทรัพย์สินในกระเป๋าสะพายหนังสีดำ ซึ่งภายในมี เอกสารประจำตัว บัตรคนพิการ บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม เอกสารจำนองที่ดิน โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง และยี่ห้อวีโว่ 1 เครื่อง นาฬิกา โอเมก้า 1 เรือน และเงินสด 300 บาท ไป ตนจึงไปบอกเพื่อนที่ดูแลโรงแรมว่ามีคน ร้ายขโมยทรัพย์สินของตนไปพร้อมบอกรูปพรรณลักษณะของคนร้ายไปด้วย
นายบาคาน ให้การต่อไปอีกว่า ตนมีที่ดินอยู่ 3 ไร่ ที่อ.หนองหาน ได้ประกาศขาย จากนั้นได้มีนายหน้าเข้าไปหาตน และได้แนะนำให้ตนนำที่ดินไปจำนอง ซึ่งตนก็คิดว่าจะนำเงินมาเป็นทุน ซื้อรถสามล้อเครื่องและเปิดร้านขายอาหาร ในช่วงที่รอขายที่ดิน เนื่องจากน้องที่อยู่ต่างประเทศจะมาซื้อ ตนจึงได้ให้นายหน้าพาไปหานายทุนจำ นองที่ดิน ได้เงินมา 200,000 บาท แต่นายหน้าขอยืมตนไป8 หมื่นบาทเพื่อไปชำระหนี้ แล้วจะคืนตน ส่วนเงินที่เหลืออีก 120,000 บาท ตนได้มาซื้อรถสามล้อเครื่อง ซึ่งตนคิดว่านายหน้าคงจะไม่โกงตน เพราะตกลงที่จะมาดำเนินการขายที่แปลงนี้ให้ตน ก็จะได้ส่วนต่างไป แล้วนำมาใช้คืนตน แต่นายหน้าคนนั้นก็หายไปพร้อมกับเงิน 8 หมื่นบาท ซึ่ง ตนก็ได้ออกมาหางานรับจ้างเพื่อหาเงิน ส่งให้นายทุนที่ตนเอาที่ไปจำนอง เพราะกลัวว่าจะถูกยึด ซึ่งตนพึ่งได้งานเฝ้าสวน บริเวณบ้านหนองขาม ต.หนองบัว แต่ยังไม่มีที่พักอาศัย จึงได้ขี่รถออกมานอน ตามสถานที่ต่างๆและขอข้าวตามศาลเจ้ากินประทังชีวิต อาศัยปั๊มน้ำมันเป็นที่อาบน้ำ เพราะพึ่งทำงานและยังไม่มีเงิน และได้มาพบกับนายสนอง เพื่อนที่ดูแลโรงแรมแนะนำให้มานอนหน้าโรงแรมเพราะมีไฟและจะปลอดภัย แต่ก็มาถูกคน ร้ายขโมยทรัพย์สินของตนไปจนหมด ตนรู้สึกเสียใจที่ถูกคนร้ายมาซ้ำเติมแบบนี้
นายสนอง สุวรรณดี อายุ 63 ปี 17 ม.6 ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ดูแลโรงแรมแห่งหนึ่งในอุดรฯ ทราบนายบาคาน เป็นชาวหนอง หาน เร่ร่อนมาหางานทำเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าจำนองที่ และถูกนายหน้าหลอกเอาเงินไป ไม่มีส่งเงินให้นายทุน จึงได้มาทำงานในตัวเมืองอุดรและไปพักอาศัยตามสถานที่ต่างๆ ตนจึงให้มาพักหน้าโรงแรมเพราะมีไฟฟ้าและจะได้มีคนมาเรียกใช้บริการ พร้อมบอกว่าให้เก็บสิ่งของให้ดีเพราะมีคนเร่ ร่อนเดินไปมา ซึ่งนายบาคานได้นำสิ่งของมีค่าไปใส่กระเป่าสะพายแขวนไว้ข้างรถสามล้อเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา มีฝนตกลมแรง นายบาคาน จึงได้ ลงไปนอนด้านล่าง ตื่นขึ้นมาก็พบว่าสิ่งของทรัพย์สินในกระเป่าหายไป จากนั้นก็เดินมาเล่าเรื่องให้ฟัง ซึ่งคนร้ายคิดว่าเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนที่มาอาศัย อยู่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ไม่ไกลที่เกิดเหตุตนจึงได้โทรเข้าไปยังโทรศัพท์ ทั้ง 2 เครื่องของนายบาคาน ก็ไปติดปลายสายเป็นผู้ชาย จึงบอกให้เอาสิ่ง ของที่เอาไปมาคืนจะซื้อคืน ซึ่งปลายสายได้บอกตนว่าจะเอาโทร จากนั้นก็มีชายเร่ร่อนนำโทรศัพท์มาบอกว่าต้องการเงินค่าไถ่200 บาท ตนบอกว่า มี แค่ 100 บาทจึงให้เสมียนโรงแรมจ่ายให้ ตนจึงได้ขอถ่ายรูปชายคนดังกล่าวไว้ พร้อมกับถามหาของที่เหลือ ชายเร่ร่อนบอกว่าถ้าต้องการให้เอาเงินมาไถ่ 1,000-2,000 บาท ตนจึงให้นายบาคาน มาแจ้งความดังกล่าว
เบื้องต้นทางตำรวจสืบสวนจะได้ตรวจสอบติดตามชายที่นำโทร ศัพท์มาส่งคืนและเรียกค่าไถ่ตามตามภาพที่ถ่ายเอาไว้และหาเบาะ แสคนร้ายที่มาลงมือก่อเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post