วันที่ 9 พ.ค. 66 ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ ป๊อด ป๊อด ได้โพสต์ลงในกลุ่มข่าวด่วนสระบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะ มีสมาชิก 1.4 แสนคน มีเนื้อหาในโพสต์ว่า ช่วยแจ้งข่าวเงินหายจากบัญชีธนารคารทหารไทยสาขามวกเหล็กข้อความแจ้งเตือนพรุ่งนี้แจ้งความครับมันหายไปได้ไงไม่มีบัตรไม่มีแอปอะไรทังนั้น ซึงมีสมาชิกในกลุ่มเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ ทราบชื่อต่อมาคือ นายฉลอง สตะ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 403 ม.3 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดยระบุว่าบัญชีดังกล่าวเป็นของนางศรีจันทร์ มั่งจันทึก อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นแม่ยาย ที่ทราบเรื่องเพราะว่ามีอีเมล์ของธนาคารแจ้งไปยังอีเมล์ภรรยา ว่าการทำธุรกรรมถอนเงินไม่ใช้บัตร สำเร็จแล้ว ภรรยาตรวจสอบดูพบว่ามีเงินหายไปจากบัญชีจำนวน 50,000 บาท มีการทำธุรกรรมทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 เวลา 19.25 ถูกถอนเงินออกไป 10,000 บาท ครั้งที่ 2และ3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 66 เวลา 19.41 และ 19.42 ตามลำดับ ถูกถอนเงินออกไปครั้งละ 20,000 บาท จึงมาแจ้งความที่ สภ.มวกเหล็ก เพื่อนำหลักฐานไปขอดูกล้องวงจรปิดจากธนาคาร เนื่องจากในสลิปมีการระบุว่าเงินถูกถอนออกจากตู้เอทีเอ็ม
ต่อมาได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วสันต์ ลำดวน รองสารวัตรสอบสวน สภ.มวกเหล็ก พร้อมให้ปากคำ และนำหลักฐานไปยื่นต่อธนาคารเจ้าของบัญชีที่เกิดเหตุ โดยทางธนาคารตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเงินที่ถูกถอนออกไปทั้ง 3 ครั้ง ถูกกดออกจากตู้เดียวกัน ในลักษณะถอนเงินไม่ใช้บัตร ซึ่งนางศรีจันทร์ ยืนยันว่าโทรศัพท์อยู่กับตัวเองตลอด อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่รู้รหัสผ่านเข้าแอพพลิเคชันแต่อย่างใด อีกทั้งโทรศัพท์ที่ใช้ก็ไม่มีอินเตอร์เน็ต เพราะเบ่นไม่เป็น มีเพียงลูกสาวที่รู้เพียงคนเดียว ซึ่งลูกสาวทราบชื่อคือ น.ส.อนัทภิชา มั่งจันทึก อายุ 43 ปี ภรรยาของนายฉลอง ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างที่สามีบอกกล่าวทุกอย่าง สอบถามทุกคนในบ้านแล้ว ไม่มีใครยุ่งกับเงินในบัญชีของแม่ ทุกคนในบ้านยืนยัน ซึ่งทางธนาคารได้ระบุว่าอยากให้สอบถามคนในบ้านอีกครั้ง เพราะหากภาพวงจรปิดส่งถึงตำรวจก็จะถูกดำเนินคดีทันที แต่คนในบ้านต่างยืนยันว่าไใม่ได้ทำ จึงให้ธนาคารส่งภาพวงจรปิดให้ทางตำรวจตรวจสอบได้เลย
น.ส.อนัทภิชา เล่าว่า ตนเองทราบเรื่องที่เงินออกจากบัญชี เพราะเข้าไปในจีเมล เห็นมีการแจ้งเตือนว่า มีการถอนเงินออกไปโดยไม่ใช้บัตรเครดิต ซึ่งบัญชีนี้ เป็นบัญชีของแม่ ซึ่งแม่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะตนจะเป็นคนทำให้แม่ทั้งหมด แม่ของตนอายุ 69 ปี ส่วนมากการทำธุรกรรม จะเป็นตนเองทำทั้งหมด บางทีแม่จะให้ไปกดเงินเพื่อไปใช้จ่ายอื่นๆ ก็จะโอนเข้าบัญชีตนเองเท่านั้น ไม่เคยโยกไปบัญชีอื่นเลย ส่วนเงินที่โดนกดถอนออกไป เป็นจำนวน 50,000 บาท 3 ครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกถอนไป จำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 20,000 บาท และครั้งที่ 3 จำนวน 20,000 บาท ซึ่งเป็นเวลาไร่เรี่ยกันทั้ง 3 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกถอนวันที่ 2 พ.ค.66 เวลา ...... จำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 4 พ.ค.66 เวลา 19.41 น. และ เวลา 19.42 น. ครั้งละ 20,000 บาท ตนก็เลยสงสัยว่าเงินมันหายไปได้ยังไง เพราะที่บ้านก็ไม่มีใครรู้เรื่อง และไม่มีใครทำธุรกรรมแบบนี้เป็น ส่วนเรื่องโทรศัพท์ตนมั่นใจว่าอยู่กับตลอดเวลา เพราะโทรศัพท์แม่จะไม่มีอินเตอร์เน็ต นอกจากจะทำธุรกรรมตนถึงจะเปิดวายฟายให้ และแม่ก็เล่นโซเชียลไม่เป็นด้วย ส่วนเรื่องเอกสารตนก็จะไปแจ้งความและไปติดต่อที่ธนาคาร ให้เขาดูให้ว่าเงินถูกกดถอนออกจากที่ไหนและแถวไหน
นายฉลอง เล่าว่า วันนี้ตนมาแจ้งสื่อและขอความช่วยเหลือจากสื่อ เพื่อตรวจสอบเงินจากธนาคารที่มันหายไป ประมาณ 50,000 บาท ซึ่งทางธนาคารได้ตรวจสอบแล้ว ตรวจกล้องวงจรปิดที่กดเงินจากจุดไหน สาขาไหน ซึ่งตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นสาขาไหนและจุดไหน ตอนนี้กำลังรอกล้องวงจรปิดเพื่อส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางธนาคารจะส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงเลย และเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ถ้ารู้ตัวว่าเป็นใคร ก็จะดำเนินคดีเลย ในข้อหายักยอกทรัพย์ ตอนนี้ตนได้แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว เอาใบแจ้งความมาส่งให้ทางธนาคารตรวจสอบแล้ว และได้ตรวจสอบในครอบครัวทุกคนแล้ว ซึ่งทุกคนยืนยันว่า ไม่มีใครยุ่งกับบัญชีนี้เลย เราถึงมาดำเนินคดีว่า เงินมันหายไปได้อย่างไร ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเราไปดูกล้อง ถ้าพบว่าเป็นคนในครอบครัว ก็จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจดำเนินคดีเลย และค่อยคุยกับคนในครอบครัวอีกทีหนึ่งว่าจะเอายังไง แต่อยากจะรู้ว่าเงินมันหายไปได้อย่างไรและใครเป็นคนเอาไป
ปานวาด สุขไพบูลย์ 0981081000
Discussion about this post