หญิงท้องชาวไทใหญ่ ถูกนายจ้างกระทืบปางตายที่เมืองสามหมอก ล่าสุดยังไม่แท๊งค์ เด็กในท้องปลอดภัย !!

จากกรณี นางหอม ฯ อายุ 31 ปี ชาวไทใหญ่ สัญชาติเมียนมา ท้อง 4 เดือน ลูกจ้างขายน้ำเต้าฮู้ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ถูกนายจ้างบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายที่บ้านพักจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว /ผอ.ศูนย์ประ ชาบดีจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า กรณีนางหอม ไม่มีชื่อสกุล อายุ 31 ปี อยู่ เป็นชาวไทใหญ่ สัญชาติเมียรมา อาศัยอยู่ ต.นาปู่ป้อม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่อง สอน และมาทำงานเป็นลูกจ้างร้านขายน้ำเต้าหู้ แห่งหนึ่งในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส นั้น ล่าสุดทางแพทย์โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ ยังไม่ได้ทำการผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือชีวิตแม่เด็ก เนื่องจากต้องรอความเห็นจากคณะแพทย์ก่อน โดยวันนี้ตอนบ่ายจะเข้ารับการตรวจจากสูตินารีแพทย์ ส่วนที่ว่าเด็กไม่ดิ้นและคาดว่าเสียชีวิตนั้น เกิดจากความรู้สึกของผู้เป็นแม่ ที่แจ้งว่า ก่อนหน้านี้เด็กในท้องจะดิ้นบ่อยครั้ง แต่หลังจากแม่ถูกทำร้ายเด็กไม่ดิ้นเลย จึงคิดว่าเด็กไม่หายใจแล้ว เด็กยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้มีการผ่าเอาเด็กออกแต่อย่างใด

หน.บ้านพักเด็กและครอบครัว กล่าวต่อไปว่า จากการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันนี้ ในที่ประชุมมีมติที่จะให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยทางยุติธรรมจังหวัดจะเข้าไปดูแลเรื่อง ให้ความเป็นธรรมและเรียกร้องค่าเสียหาย รวมทั้งเอาผิดกับผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนหน่วยงาน สวัดิการแรงงานจะเข้าดูแลเรื่องสิทธิของแรงงาน ในส่วนของ หน่วยงานพัฒนาเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.จะเข้า ไปดูแลเรื่องคุ้มครองผู้เสียหาย ต่อไป

นายศรสุวรรณ สรศักดิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวฯ กล่าวต่อไปอีกว่า นางหอม ฯ ยืนยันว่า นาย เอ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาถึงและใช้เท้าถีบประตูห้องพักเข้ามาก่อนที่จะทำร้ายนางหอม และ นาง บี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ส่วนนางหอม ฯ ถูกทำร้ายมากที่สุด

พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร รอง ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ผบก.ภ.จ.มส.หลังจากทราบเรื่อง มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงมอบหมายให้ตนมาตรวจสอบติดตามสำนวนคดี เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตำรวจเองก็เห็นใจผู้เสียหายอยู่แล้ว ก่อนนี้ก็ได้ประสานกับบ้านพักเด็กแม่ฮ่องสอนไปแล้ว หลังทราบว่าคดีดังกล่าวทางบ้านพักเด็กและผู้เสียหายไม่สบายใจเรื่องความเป็นธรรมของพนักงานสอบ สวน ทางตำรวจภูธรจังหวัดแม่ ฮ่องสอนและ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้ ซึ่งพนักงานสอบเดิมก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ในเมื่อผู้เสียหายไม่สบายใจทางตำรวจก็ให้ความเป็นธรรมเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้

รอง ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นได้คุยกับหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว ทราบว่าผู้เสียหายไม่ได้แท้งลูก ลูกในท้องปลอดภัยดีและอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและรักษาตัวอยู่ รายละเอียดจะให้ร้อยเวรไปสอบ สวนเพิ่มเติม อาจจะไปสอบที่บ้านพักเด็กก็ได้ อะไรก็ตามที่ทำให้ผู้เสียหายสบายใจ จะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ ทางตำรวจเราดำเนินการตามขั้นตอนของกฎ หมาย ใครกระทำผิดก็ว่าไปตามกฏหมาย

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีผู้ต้องหารู้จักกับตำรวจเป็นอย่างดีนั้น ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร รอง ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอนกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองเล็กๆ ตำรวจและข้าราชการฝ่ายอื่น ผู้ประกอบการทั่วไป และประชาชนก็รู้จักกันบ้างก็เป็นธรรมดา แต่จะทำให้รูปคดีเบี่ยงเบนไป คงไม่มีแน่นอน เราจะทำให้คดีนี้ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำ จะได้รับความเป็นธรรมกับทางตำรวจแน่นอน

สำหรับมูลเหตุของการทำร้ายร่างกายกันอย่างรุนแรงนี้ พ.ต.อ. ชัยเสถียร มณีจักร รอง ผบก.ภ. จว.แม่ฮ่องสอนกล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนของร้อยเวร ทราบว่าภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาไปตามหาสามีที่ร้านอาหารโดยพานางหอม ซึ่งเป็นลูกจ้าง ( ผู้เสียหาย ) ไปด้วย เมื่อภรรยาพบกับสามีซึ่งทานอาหารอยู่ร้าน ทำให้สองสามีภรรยามีปากเสียงกันในร้านอาหาร จากนั้นภรรยาก็กลับบ้าน เมื่อภรรยากลับมาถึงบ้านเกรงจะมีปัญหา จึงได้ไปนอนที่บ้านพักของลูกจ้าง แต่ปรากฏว่าพอสามี (ผู้ต้องหา) กลับไปถึงบ้านไม่พบภรรยา จึงไปตามหาที่โรง งาน เมื่อสามีทราบว่าภรรยาไปนอนที่บ้านลูกจ้างก็เลยเข้าไปตามภรรยาและทะเลาะมีปากเสียงกัน จนมีการทำร้ายร่างกายลูกจ้าง (ผู้เสียหาย) ได้รับบาดเจ็บ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ได้ให้การปฏิเสธแต่อย่างใด เพียงแต่ให้การว่าไปตามภรรยา ส่วนผู้เสียหายยังมีอาการมีนงง และมีอาการบาดเจ็บและรักษาตัวอยู่ ส่วนผู้ก่อเหตุติดต่อประสานอยู่ตลอดไม่หนีไปไหน เป็นบุคคลที่มีถิ่นฐานที่อยู่ไม่มีพฤติการหลบหนีแน่นอน เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เมื่อผลการตรวจของแพทย์มาถึงก็จะแจ้งข้อหาอื่น ๆ เพิ่มเติม รับรองทั้งสองฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม.