จากกรณีนายพรชัย ศรีชัยมูล อายุ 45 ปีชาวอ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธษนี สามีใหม่ของนางฤดี ทำ ร้ายภรรยาของตนเองคือนางฤดู เขตโขงขวาง อายุ 45 ปีจนเสียชีวิตในสภาพเปลือยเปล่า บริเวณใบหน้าคล้ายถูกของแข็งทุบจนน่วม เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ที่บ้านเลขที่ 303 หมู่ 6 บ้านคำตานา ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดร ธานี หลังก่อเหตุนายพรชัย ได้หลบหนีจากบ้านไปนอนที่กระ ท่อมนาของนายบุญทัน ฮึมพล ซึ่งเป้นน้าชาย ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยภาพวงจรปิดที่กระท่อมนาของนายบุญทัน จับภาพไว้ได้ โดยนายพรชัยบอกกับนายบุญทัน น้าชายว่า ขอมานอนที่นาด้วย นายบุญทันเห็นเสื้อเปื้อนเลือดจึงถามไปว่าไปทำอะไรมา นายพรชัยก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ตนเองไปฆ่าคนมา แต่ไม่บอกว่าไปฆ่าใคร นายบุญทันไม่เอะใจและไม่เชื่อนึกว่าพูดเล่น แถมมีเลือดเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด จึงปล่อยให้นอนที่นาจนถึงรุ่งเช้า จนในที่สุดตร.ตามจับกุมนายพรชัยได้ หลังกลับมาที่บ้านหลังก่อเหตุเพื่อมาดูภรรยาว่าเป็นอย่างไร และสารภาพทำร้ายภรร ยาจริงแต่ไม่คิดว่าจะตาย สาเหตุเพราะทั้งสองคนเมาเหล้าแล้วผู้ตายได้ไล่นายพรชัยออกจากบ้าน
ต่อมาวันนี้ (26พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านงานศพของนางฤดี ที่บ้านคำตานา พบญาติๆ กำลังจัดงานศพและเคลื่อนศพไปฌาปนกิจในวันนี้เลย นางสุพิศ ฮืมพล อายุ 58 ปีน้าสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนมาพบศพคนแรก หลังจากสามีคือนายบุญทันโทรมาบอกว่า ให้ไปดูนางฤดีหน่อยว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อคืนนายพรชัยซึ่งเป็นสามีได้ออกไปหาและบอกว่าฆ่าคนมา พอตนเองเปิดประตูเข้าไปในบ้านแทบช็อคเจอนางฤดี ซึ่งเป็นหลานสาวเสียชีวิยอยู่ภายในบ้านสภาพนอนเปลือยกาย ตัวแข็งชื่อและมีเลือดที่แห้งเกรอะกรังตามร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า จึงได้แจ้งตร.ทันที สำหรับนางฤดีเพิ่งมาอยู่บ้านได้เพียง 1 ปีกว่าได้รู้จักกับนายพรชัยซึ่งเป็นสามีใหม่ เกิดทะเลาะกันเพราะทั้งสองก็กินเหล้าประจำ เห็นว่านางฤดีไล่นายพรชัยออกจากบ้านจึงทำให้ทะเลาะกันฆ่ากันตายดังกล่าว
ส่วนนางพิกุลทอง สังข์สิทธิ์ อายุ 34 ปี หลานสะใภ้ผู้ตายและมีบ้านอยู่ติดกัน บอกว่า วันเกิดเหตุตน เองไม่ได้นอนอยู่บ้านหลังนี้ ไปนอนบ้านแม่ย่า พอได้ยินข่าวว่านายพรชัยฆ่านางฤดีตกใจมาก รีบมาดูพบว่าถูกทำร้ายร่างกายใบหน้าเละไปหมด ส่วนสาเหตุทั้งคู่น่าจะทะเลาะกัน และชอบกินเหล้าทั้งสองคน ได้ยินว่านางฤดีได้ไล่นายพรชัยออกจากบ้านทำให้ไม่พอใจจึงก่อเหตุดังกล่าว สำหรับนางฤดีตนเองพาไปทำงานก่อสร้างด้วยที่อ.พิบูลย์รักษ์จนได้รู้จักกับนายพรชัย อยู่ด้วยกันมาปีกว่า ตนเองก็เคยเตือนนางฤดีว่าระวังไว้ด้วยเพราะเห็นว่าเขาเป็นโมโหร้าย แต่นางฤดีก็ไม่ยอมฟัง ก็โตๆ กันแล้วได้แค่เตือนเท่านั้น แต่ก่อนเคยได้ยินว่านายพรชัยเคยทำร้ายภรรยาเก่าจนดั้งหักมาแล้ว จนมาก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองตายคาบ้าน
ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างพากันลืออาถรรพ์ปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านทำให้คนตาย ทั้งๆ ที่นางฤดีสร้างบ้านใหม่เพิ่งขอเลขบ้านเลขที่ได้ แต่มีการปลูกต้นกล้วยหอมไว้หน้าบ้าน ลูกดกเสียด้วย โดยโบร่ำโบราณบอกว่า ไม่ควรปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีเหตุเป็นไปไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือขั้นเจ้าของบ้านเสียชีวิต ปกติหน้าบ้านปลูกต้นไม้ได้ก็จะมีต้นยอ ต้นขนุน ต้นคูณ และต้นมะยม แต่ต้นกล้วยไม่ควรปลูกเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีอันเป็นไป อันนี้คำโบร่ำโบราณกล่าวกันไว้.
Discussion about this post