วันที่ 27 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ศาลยุติ ธรรม เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อพิจารณาในการให้ความช่วยเหลือกรณีนางหอม อายุ 31 ปี ลูกจ้างชาวไทใหญ่สัญชาติเมียนมาถูกนายจ้างคนไทยทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บและกระทบต่อเด็กที่อยู่ในท้องจากการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน
ซึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือทั้งในเรื่องของการดูแลรักษาด้านสุข ภาพ ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน การเยียวยาค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย รวมถึงค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาของกระ ทรวงยุติธรรม ซึ่งจากวิเคราะห์เบื้องต้นในคดี หากนางหอม ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างทำร้าย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาในฐานเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน ตามแนวทางพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนที่จะได้รับ คือ 1. ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000 บาท 2. ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่ายกายและจิตใจไม่เกิน 20,000 บาท 3. ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติไม่เกิน 1 ปี และ 4. ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ได้แจ้งให้ญาติผู้เสียหายได้รับทราบในสิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แก่จำเลยในคดีอาญาแล้ว
ด้านนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตนได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือทั้งในเรื่องของคดี เรื่องดูแลสุขภาพ และเรื่องการเยียวยาแก่ผู้เสียหาย เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายที่เป็นลูกจ้างและถูกนายจ้างทำร้ายร่างกาย เพื่อให้เขาได้รับสิทธิตามกฏหมายทุกประการ โดยเฉพาะการเยียวยาค่าตอบ แทนจากการถูกกระทำให้ได้รับสิทธิตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเงินกองทุนในการฟ้องคดี นอก จากนี้ยังให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่ได้รับบาดเจ็บเกิดจากความรุนแรง โดยเบื้องต้นได้ทราบจากทางแพทย์ที่ดูแลรักษาว่าเด็กในครรภ์ยังมีชีพ จรอยู่ ไม่ได้รุนแรงตามที่ปรากฏในข่าว แต่ผู้เสียหายยังเกิดความวิตกกังวลและมีอาการเครียด ซึ่งแพทย์ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิด และยังจะอยู่ในความดูแลของสถานคุ้มครองภาครัฐต่อไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ส่วนในเรื่องคดีทางเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดได้สอบถามไปยังพนักงานสอบสวน พตท.บุญรับ ยุบล สารวัตรสอบสวนที่เข้ามาทำคดีแทน สรุปความได้ว่าคดีนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานโดยรอผลการตรวจจากแพทย์ว่าผู้เสียหายแท้งบุตรหรือไม่ และเหตุที่ไม่ได้ระบุความผิดฐานบุกรุกเคหะ สถานไว้ในบันทึกประจำวัน โดยระบุเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น เนื่องจากห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องกรรมสิทธิ์ของนายจ้างซึ่งให้ผู้เสียหายอยู่โดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางสำนักงานยุติธรรมจะได้ติดตามและให้ความช่วยเลหือผู้เสียหายในการดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป.
Discussion about this post