
วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เวลา 17.10 น. ที่สถานีตำรวจภูธรท่าวังผา อำเภอท่าวังภา จังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกูชีพกูภัยเพชรเกษมน่าน เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าวังผา หลังจากเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 เวลา 19.04 น. ที่ผ่านมามูลนิธิเพชรเกษมน่านได้รับแจ้งจากศูนย์นเรนทรน่าน (1669) ให้ออกรับผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกฟันบริเวณศีรษะ จุดเกิดเหตุอยู่ที่ บ้านเชียงแล ตำบลริม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิเพชรเกษมน่าน ได้ทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและจะนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลท่าวังผา แต่พอเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ขับรถพยาบาลออกจากจุดเกิดเหตุมาจนถึงตรงบริเวณบ้านสบยาว ตำบลท่าวังผา ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ได้มีชายไม่ทราบชื่อพกพาอาวุธมีด ขี่รถจักรยานยนต์มาไล่ตามชักมีดออกมาง้างจะฟันรถ และประกบข้างกับคนขับรถพยาบาลบังคับให้จอดรถ ตลอดเส้นทางถนนวรนคร ได้สร้างความหวาดกลัวและตื่นตกใจแก่ประชาชนที่อยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำผู้ก่อเหตุยังได้ตามไปจนถึงหน้าห้องฉุกเฉินบนโรงพยาบาลท่าวังผาพร้อมกับอาวุธมีด เพื่อที่จะทำร้ายผู้บาดเจ็บที่อยู่ในรถพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ชีพกูภัยเพชรเกษมน่าจึงประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรท่าวังผา เข้าให้การช่วยเหลือและระงับเหตุ โดยขับรถวนบริเวณโรงพยาบาลท่าวังผาโดยมีผู้ก่อเหตุยังคงถือมีดติดตามอย่างไม่ลดละ จึงทำการขีรถนำผู้บาดเจ็บวนอยู่ภายในโรงพยาบาลไม่กล้านำผู้บาดเจ็บส่งห้องฉุกเฉิน เพราะเกรงว่าชายรายดังกล่าวจะเข้ามาทำร้ายผู้บาดเจ็บซ้ำ จึงขับรถวนจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรท่าวังผาเดินทางเข้ามาระงับเหตุ ชายรายดังกล่าวจึงรีบขับรถหนีไป

ด้านนายพสธร พูลทรัพย์ กรรมการมูลนิธิเพชรเกษมน่าน พลขับรถฉุกเฉินคันที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า หลังจากรับคนเจ็บมาเพื่อส่งโรงพยาบาล น้องๆ กู้ภัย ได้บอกว่ามีคนตามมา จึงรีบขับรถฉุกเฉินเปิดสัญญาณไฟและเสียงมาตลอด โดยผู้ก่อเหตุก็พยายามขับตามขับประกบ และง้างมีดจะฟันรถอยู่ตลอด และพยายามจะให้รถจอด เราเองก็ไม่รู้ว่ามีอาวุธอะไรมากกว่านี้ไหมก็เลยไม่กล้าจอด
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงษ์สินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่าสำหรับกรณีลักษณะนี้ทางตำรวจมีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติอยู่แล้ว และมีการประสานการปฏิบัตกับทางโรงพยาบาล เมื่อได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไประงับเหตุทันทีจึงไม่ได้มีเหตุการลุกลามบานปรายจนเข้าไปทำร้ายกันในห้องฉุกเฉิน ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบจนรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว เป็นชายอายุ 42 ปี และยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวเพื่อทำการจับกุมตัวชายรายดังกล่าว เพื่อมาดำเนินคดีตามกฏหมาย เบื้องต้นพบการกระทำผิดหลายข้อหา ทั้งทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธมีด สร้างความเดือดร้อนรำคาญ และบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน
Discussion about this post