วันที่ 2 มิถุนายน 2566 นายมงคล ชัยวุฒินายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ในฐานะชุดปฎิบัติการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) อ.ดอยสะเก็ด ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เผยการสำรวจ ตรวจสอบและ
รังวัดที่ดิน เพื่อออกโฉนดที่ดินแปลงรวม ของกรมป่าไม้ ว่า ได้ร่วมกับนายสมเกียรติ สมร ประธานสภา ทต.เชิงดอยพร้อมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 10 คน
ออกสำรวจ ตรวจสอบ รังวัด จับพิกัด ที่ดินในเขตป่าสงวน บ้านแม่ดอกแดง หมู่ที่ 1ที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน บริเวนมูลนิธิเบธานี มูลนิธิชีวิตบริบูรณ์ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสำรวจตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้จับจองเป็นที่ทำกินกว่า 40-50 ปีแล้ว โดยเฉพาะบ้านแม่ดอกแดง มีชาวบ้านจับจองที่ดินดังกล่าว 121แปลง บ้านห้วยหลอด 149 แปลง บ้านห้วยชมพู 49 แปลง บ้านศาลาปางสัก
118 แปลง บ้านผาป่อง 197 แปลง รวม 634 แปลง รวมพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรม อาทิปลูกลำไย มะม่วง ต้นสัก และพืชไร่
นอกจากนี้ยังสำรวจ รังสัด และพิกัดที่ดินที่บ้านโพธิ์ทองเจริญ หมู่ 2 อีก 100 แปลงรวมเนื้อที่กว่า 200 ไร่ เพื่อออกโฉนดที่ดินแปลงรวม ตามนโยบายคทช. ซึ่งโฉนดดังกล่าว ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ชาวบ้าน แต่รับ
รองสิทธิการครอบครองที่ดินเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือ ยกเว้นตกทอดเป็นมรดกได้ ที่สำคัญยืนยันสิทธิผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฏหมายเป็นผู้ครอบครองแท้จริง 100 % ไม่ใช่ผู้บุกรุกแผ้งถางรายใหม่อย่างใด
นายมงคล กล่าวอีกว่า หากพบนายทุนหรือผู้บุกรุก แผ้งถางรายใหญ่ ทางกรมป่าไม้ จะเพิกถอนสิทธิทำกินในที่ดินแปลงดังกล่าว ไม่รับรองสิทธิการครอบครองใดๆ ซึ่งการสำรวจที่ดินดังกล่าว คาดแล้วเสร็จต้นมิถุนายนนี้ ก่อนรวบรวมเอกสารหลักฐานไปให้กรมป่าไม้ เพื่อตรวจสอบกับแผนที่ทางอากาศ ว่าพิกัดตรงกันหรือไม่ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อยืนยันสิทธิการครอบครองที่ดินดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนออกโฉนดที่ดินแปลงรวม ตามลำดับ ซึ่งผู้ครอบครองที่ดิน ต้องเสียถาษีที่ดินและโรงเรือนให้กับเทศบาล เพื้อเป็นรายได้พัฒนาท้องถิ่น ซึ่งการสำรวจรังวัดดัง
กล่าว ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านหรือผู้ครอบครองเป็นอย่างดี และสนับสนุนนโยบายดังกล่าวด้วย
อยากฝ่ากรัฐบาลชุดใหม่ มีนโยบายเร่งออกโฉนดดังกล่าว ให้กับประชาชนที่จับจองที่ดินทำกินมานาน แม้ไม่ได้กรรมสิทธิแต่เป็นการรับรองสิทธิครอบครอง ถูกต้องตามกฏหมาย เพื่อสร้างความมั่นคงในชัวิต
และทรัพย์สิน ไม่ต้องหวาดผวาการจับกุมดำเนินคดีอัก เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า หวังว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้า อาจเปลี่ยนโฉนดที่ดินแปลงรวมเป็น นส. 3 หรือโฉนดที่ดิน ที่เป็นตราครุฑเพื่อครอบครอง และซื้อขายเปลี่ยนมือในอนาคตได้
////////////
Discussion about this post