วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่หอประ ชุมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราช การ ศาล ทหาร ตำรวจ ข้าราช การ เจ้าหน้าที่ และประชาชนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มทอง – พุ่มเงิน และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตลอดระยะเวลาที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงเป็นคู่พระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้วยพระราชหฤทัยมุ่งมั่น ในการสืบสานรักษาและต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งในด้านการเกษตรและการปรับ ปรุงสภาพแวดล้อมเพื่อฟื้นดินคืนป่า การพัฒนาอาชีพตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร บนพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการพัฒนาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ของราษฎรจากหัตถ์ศิลป์ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยทรงพระกรุณาส่งเสริมศิลปาชีพอันเป็น การดำรงรักษาเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติไทยให้ดำรงอยู่ยั่งยืนสืบไป
โดยพานพุ่มแบ่งออกเป็น 3 ประ เภท คือ พานพุ่มเทียน พานพุ่ม ดอกไม้สดหรือพานพุ่มดอกไม้ และพานพุ่มทอง – พานพุ่มเงิน ซึ่งช่างได้นำวัสดุมาประดิษฐ์เป็นทรงพุ่มแล้วนำมาวางไว้บนพาน อันถือเป็นเครื่องสักการะหรือบูชาชั้นสูงของไทย เพื่อนำไปเป็นเครื่องบูชาหรือสักการะสิ่งที่เคารพนับถือ เช่น พระรัตนตรัยพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และบรรพบุ รุษที่เคารพนับถือ เป็นการแสดง ออกถึงความเคารพ และความจงรักภักดีในโอกาสต่าง ๆ ส่วนพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล มีจุดเริ่มต้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2520 ที่หน่วยอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน ( อส.) ศูนย์สาธิตที่ 1 หุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชร บุรี ซึ่งได้มีการจัดงานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเป็นการจัดพิธีถวายพระพรในตอนกลางคืน เนื่องจากในช่วงกลางวันชาวบ้านมีความจำเป็นต้องไปทำงานในเรือกสวนไร่นา ประกอบสถานที่จัดงานในเวลากลางคืนมืดสนิทเพราะไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ทุกคนจึงได้นำเทียนไขมาคนละเล่ม โดยมีการจุดเทียนชัยไว้ที่แท่นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านเพื่อให้เกิดแสงสว่างไสวกับสถานที่ก่อน กระทั่งเวลา 20.00 น. ก็ได้พร้อมใจกันจุดเทียนที่นำและกล่าวคำถวายพระพร จากนั้นได้พร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี 1 จบ และพากันเวียนเทียนประทักษิณรอบพระบรมฉายาลักษณ์ จำนวน 3 รอบ ซึ่งในกิจกรรมครั้งนั้น อส.ได้วิทยุราย งานแจ้งเรื่องการจุดเทียนชัยถวายพระพรเข้าสู่สำนักพระราช วัง ณ พระราชวังไกลกังวล เพื่อรายงานให้พระองค์ได้ทรงรับทราบเป็นระยะๆ จวบจนจบพิธี ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ทางราชการได้มีการประกาศจัดพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่ท้องสนามหลวง และจากนั้นก็ได้ถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวัด
ขณะที่วัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆรา วาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีสวดมนต์ทำวัตรเย็น รับฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2566 เป็นการร่วมกันทำความดี รักษาศีลธรรม และระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยและเสริมสร้างบุญบารมีให้กับตนเองและครอบ ครัว โดยมีพระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณารามเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
โดยวันวิสาขบูชา ที่ถือเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ 3 ประการ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย และถ้าปีใดมีอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองหน ก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 ดังนั้นจึงมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนของทุกปี โดยเมื่อถึงวันพุทธศาส นิกชนจะพร้อมใจกันทำบุญตัก บาตร เข้าวัดฟังธรรม และเวียนเทียน เพื่อเป็นอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งในประเทศไทยนั้นปรากฏหลักฐานว่า วันวิสาขบูชา เริ่มต้นครั้งแรกในสมัยกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าได้รับแบบแผนมาจากประเทศลังกา เพราะมีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด เห็นได้จากที่มีพระสงฆ์จากประเทศลังกาหลายรูป เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และนำการประกอบพิธีวิสาขบูชา ที่พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 420
สำหรับการเวียนเทียนนั้น มีปรา กฏหลักฐานในพระไตรปิฎก ใช้คำว่า เวียนประทักษิณาวัตร คือ การเวียนขวา 3 รอบ เพื่อเป็นเครื่อง หมายการแสดงออกถึงการเคารพบูชาต่อสิ่งนั้น ๆ อย่างสูงสุด โดยก่อนการเวียนเทียนพุทธบริษัท ทั้ง พระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา จะมาพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถหรือลานพระเจดีย์ จากนั้นประธานสงฆ์จุดเทียนและธูป ตามด้วยประธานฝ่ายฆราวาสและผู้ที่มาร่วมประกอบพิธีเวียนเทียน เสร็จแล้วประนมมือ ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินเวียนขวารอบปูชนียสถาน จำนวน 3 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการเจริญภาวนาระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่สองเจริญภาวนาระลึกถึงพระธรรมคุณ และรอบสามเจริญภาวนาระลึกถึงพระสังฆคุณ ซึ่งขณะเวียนเทียนทุกคนจะต้องอยู่ในอาการที่สำรวมทั้ง กาย วาจา และใจ มีสติอยู่กับตัว ไม่พูดคุยและหยอกล้อกันในขณะที่เวียนเทียน เพราะเป็นการไม่เคารพต่อพระรัตนตรัยและสถานที่ ตลอดจนทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญหรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อเวียนครบ 3 รอบ ทุกคนจะนำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางและปักบูชาไว้ยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้.
Discussion about this post