
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 66 ที่ซอยเลียบคลองเจ็ก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ชาวบ้านกว่า 30 ชีวิต เดินทางนำหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จังหวัดนนทบุรี และประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังซื้อบ้านโครงการมั่นคง ส่งเงินไปแล้วหลักแสน ผ่านมา กว่า 3 ปี กลับต้องอยู่บ้านพักชั่วคราวสภาพบ้านสังกะสี ยิ่งกว่าแคมป์คนงาน ผนังมีรู ผุพัง ช่วงหน้าฝนสังกะสีปลิวหลุดเสียหาย ฝนตกต้องคอยรองน้ำ ต้องเปลี่ยนปลั๊กหลายจุดเพราะไม่ได้มาตร ฐาน เคยมีชาวบ้านถูกไฟดูด ต้องอยู่ท่ามกลางสัตว์มีพิษ ทั้งงูเห่า และตะขาบ ชาวบ้านหลายคนทนไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่บางครอบครัวต้องทนอยู่เพราะไม่มีเงินไปเช่าบ้าน และซื้อบ้านหลังใหม่
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. 66 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยชาวบ้าน 35 ราย เดินทางเข้าติดตามความคืบหน้าทางคดีหลังแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้กับพ.ต.อ. พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บาง บัวทอง เพื่อให้ติดตามนายปรีชา วุฒิเพชร์ และคณะกรรมการที่ดำเนินการ พร้อมพวกหลังนำเงินสมาชิกสหกรณ์บริการเคหสถานรวมใจพัฒนาตลาดเก่า รวมกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
ทนายโป้ง กล่าวว่า วันนี้ตนมาติดตามความคืบหน้าที่ชาวบ้านในหมู่ 8 เขตพื้นที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยการฝากเงินออมทรัพย์จะไปซื้อที่ปลูกบ้าน พอถึงเวลาไม่มีบ้าน มีแต่ที่แปลงและสร้างบ้านชั่วคราวให้ก่อน 3 เดือน รอว่าโครงการบ้านมั่นคงเสร็จ แต่กลายเป็นบ้านลักษณะคล้ายแคมป์คนงาน อยู่มากว่า 3 ปี ไม่มีการสร้างบ้าน ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดหวังที่อยู่อาศัยหลังจากตลาดไฟไหม้ ทำให้ไม่มีที่อยู่ สาเหตุหลักมาจากการรวมกลุ่มสหกรณ์ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจคนของชาวบ้านที่เลือกตั้งมาเป็นประธาน เลือกคณะกรรมการ รวมแล้ว 8 คน และเลือกคณะดำเนินการรวมประธาน 3 คน มีการไว้ใจและส่งเงิน โดยไม่ทราบว่าเงินที่ส่งไปจะถึงสหกรณ์หรือไม่ ชาวบ้านรู้อย่างเดียวว่าถ้าส่งเงินช้าจะโดนปรับวันละ 200 บาท ส่งไปเรื่อยๆจนมีคนใจกล้าสอบถามว่าเมื่อไหร่จะได้ที่ และเมื่อไหร่จะสร้างบ้าน และมีการสร้างบ้านให้อยู่ชั่วคราวในระหว่างรอบ้านจริง เป็นบ้านน็อคดาวน์ ถึงเวลากลายเป็นบ้านแคมป์คนงาน ซึ่งทางประธานบอกให้อยู่ไปก่อนแค่ 3 เดือน หลายคนจึงเข้าไปอยู่ ผ่านมาถึงวันนี้ 3 ปี ติด ตามทวงถามก็ไม่ได้รับคำตอบ จนชาวบ้านทนไม่ไหว รวมกลุ่มไปร้องศูนย์ดำรงธรรม เมื่อเดือน พ.ย 65 และมาแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.บางบัวทอง เมื่อเดือนธ.ค. 65 ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับความคืบหน้า ตนจึงพาชาวบ้านเข้ามาสอบถามความคืบหน้า วันนี้ได้คำตอบแล้วเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนน้อย ข้อมูลเอกสารเยอะ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน เพียงแต่ขาดการสื่อสารประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากับชาวบ้านให้เข้าใจ อีกเรื่องที่อยากฝากให้ตรวจสอบ คือเงิน 600,000 บาท ที่ได้มาจากพอช. เพื่อสร้างบ้านชั่วคราว แต่ทำไมสร้างได้แค่นี้ สภาพแคมป์คนงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องมีส่วนของพอช.มาเกี่ยวข้องด้วย

พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก. สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องหลายส่วน และต้องไล่ตั้งแต่การออมทรัพย์ไปซื้อที่ดิน และออมทรัพย์เพื่อที่จะสร้างบ้าน เรื่องนี้มันพัวพันไปถึงหน่งยงานรัฐอีก 2 หน่วย ทั้งพมจ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ และมีทั้งสมาชิกสหกรณ์ที่ลาออกไม่ได้เงิน และยังไม่ลาออก จากการตรวจสอบบัญชีตัวเลขยังไม่ชัดเจน เงินที่ชาวบ้านรวมกันมา 3 ปี ประมาณ 8 ล้าน จ่ายค่าที่ดิน 4 ล้าน และถูกอายัดไว้ 1.2 ล้าน หายไป 2 ล้านกว่าบาท ต้องไล่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น มีแฟนของประธานโครงการที่ถือบัญชีธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เรื่องนี้หลายขั้นตอนมาก ทั้งการเปิดสหกรณ์ การจ่ายเงินสหกรณ์ ทางสหกรณ์จะตั้งคณะกรรมการมาสอบสวน และในส่งนของพนักงานสอบสวน ถ้าเงิน 2 ล้านหายไป โดยไม่มีที่มาจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ (ตัวเลขโดยประมาณ 2,465,000 บาท) ประเด็นซื้อบ้านไม่ได้บ้านปัญหาคือซื้อที่ดินได้หรือยัง จ่ายเงินหมดหรือยัง พอช.จะลงมาดูเรื่อง และสหกรณ์จะเข้ามาดำเนินคดีร่วมกับสภ.บางบัวทอง ไล่ทุกบัญชี การชำระเงินสหกรณ์ต้องชำระกับสหกรณ์ มีหลายท่านเข้าไปชำระกับบุคคลภายนอก 6 เดือนที่ผ่านมาเอกสารหนามาก หัวหน้างานสอบสวนจะตั้งพนัก งานสอบสวนไล่สอบพยานทุกวันเพื่อให้รวดเร็ว และรายงานจัวหงัด ร้องขอเพื่อตั้งทีมพนักงานสอบ สวนเพิ่ม จำนวนพนักงานสอบสวนที่นี่ไม่เพียงพอเป็นส่วนหนึ่ง และเนื้อหาของคดีเยอะ พยานเยอะ ผู้เสียหายเยอะ ต้องให้สหกรณ์จังหวัดเข้ามาช่วยเพราะทางพนัก งานสอบสวนจะไม่สีความเชี่ยว ชาญเรื่องนี้ ส่วนเรื่องบ้านทางพัฒนาสังคมจะเข้ามาดูแล เอาคณะกรรมการมารวมกันเพื่อพิสูจน์ทางอาญา แต่ละหน่วยงานจะเข้ามาร่วมประชุม ตั้งคณะกรรมการมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง และหาว่าจำนวนเงินที่หายไป หายไปด้วยวิธีใด และมีการสอบคณะกรรมการชุดใหม่ ส่วนคณะกรรมการชุดเก่าจะสอบเพิ่มเติม ว่ามีส่วนรู้เห็นยังไงบ้าง มีบุคคลภายนอกเข้ามาเปิดบัญชีรับเงิน ผิดกฎหมายของสหกรณ์ ถ้ามีการหลอกลวงมาตั้งแต่ต้นจะกลายเป็นข้อหาฉ้อโกง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการสอบปากคำ 2-3 ราย จำนวนการออมเงินฝากไม่เท่ากัน เรื่องเอกสารมันค่อนข้างเยอะ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน และมีเงินหายไปจากผู้มีอำนาจรักษาเงิน จึงจะตั้งข้อหายักยอก แต่ถ้าโกงมาแต่ต้นคือจะถือว่าเป็นการร่วมกันฉ้อโกง ระยะเวลาอีกน่าจะเป็นเดือน เพราะรอสหกรณ์ตรวจสอบ ทุกอย่างมีขั้นตอน ขอยืนยันว่าเราให้ความเป็นธรรมและจะดำเนินคดีต่อคนที่กระทำความผิด.
Discussion about this post