วันที่ 29 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานว่าจากกรณีที่นายธนพงษ์พันธ์ ฤทธิ์ธนสิทธิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 181 ม.13 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอม และร้องให้ผู้สื่อข่าวช่วยหลังพบว่า ครูสาวโรงเรียนคลอง ใหญ่ ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม ใช้ผ่ามือตีลูกชายน้องต้นพีด อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล3 ตรงแผ่นหลังเป็นรอยเขียวช้ำ จนเด็กเจ็บปวด และหวาดกลัว
โดยธนพงษ์พันธ์ ผู้เป็นพ่อเล่าว่า เหตุเกิด เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนา ยน ที่ผ่านมา ครูทราย ที่เป็นครูสอนเด็กปฐมวัยของโรงเรียนบ้านคลองใหญ่โทรมาบอกว่าลูกชายได้ขุดรถยนต์เก๋งตนเองหมายเลขทะเบียน 8 กษ 33 44 กรุงเทพ มหานคร ได้รับความเสียหาย ซึ่งตนเองหลังทราบข่าวก็ได้รีบมาโรงเรียน พร้อมทั้งยกมือไหว้ขอ โทษครูทราย และยอมรับผิดชอบแทนลูกทุกอย่าง โดยได้พูดคุยกันเพื่อที่จะนำรถที่ได้รับความเสียหายจากการขีดข่วนของลูก ชายให้ช่างตีประเมินราคา โดยช่างได้สำรวจพบว่ารอยขีดข่วนมีทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แต่ก็ไม่เป็นไรพร้อมจะชดใช้ พร้อมถามกลับไปหาครูทรายอีกครั้งว่ารถที่มีร่องรอย นั่นมีทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แต่ครูทรายยืนยันว่าลูกชายตนเองน้องต้นพีด เป็นคนทำ ก่อนที่ครูทรายได้โทรสอบถามสามีอีกครั้งว่าตรงประตูและด้านหน้า มีรอยขีดข่วนและสีถลอกนานยัง สามีครูทรายบอกว่าแกเป็นคนทำให้รถสีถลอกเองตอนที่นำ รถไปขับ พอคุยตกลงกันชักพักช่างตีราคาซ่อน 1,500 บาท ตนก็ยินดีชดใช้ให้ แต่ครู่ทรายบอกว่าจะไม่ซ่อมที่อู่จะนำไปซ่อมที่ศูนย์โดยสะดวกวันไหนจะประสานอีกที ก่อนตกลงกันได้
ต่อมาตนได้นำลูกชายกลับบ้าน ก่อนที่จะอาบน้ำโดยที่กำลังถอดเสื้อผ้าลูกชาย ลูกชายบอกพ่อหนูเจ็บ พอถอดเสื้อออกพบว่าตรงแผ่นหลังลูกชายมีรอยช้ำเหมือนโดนทำร้าย ด้วยความโมโหได้โทรไปหาครูทราย ครูทรายบอกได้ตีลูกชายตนเองไป 1ครั้ง แต่ตนไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากเห็นรอยช้ำแล้วมันมากกว่า1 ครั้งแน่นอน ก่อนที่จะนำลูกชายไปหาหมอ และแจ้งความบันทึกประจำต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอม เพื่อที่จะเอาผิดกับครูทรายดังกล่าว
โดยธนพงษ์พันธ์ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่าถ้าครูบอกชักคำว่าก่อนที่จะโทรหาพ่อได้ตีลูกตนไปเพื่ออบรมสั่งสอน แต่กลับไม่ปกปิดจนตนเองมาเจอ ทำให้รับไม่ได้ เมื่อเห็นรอยซ้ำบนแผ่นหลังมันเจ็บจี๊ดจนบอกไม่ถูกในหัวอกความเป็นพ่อ และตอนไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนครูทรายมา ตนให้เด็กยกมือไหว้เด็กร้องและกลัวจนตัวสั่น ครูได้แค่ขอโทษ และบอกจะขอโอกาส ซึ่งตนเองมองว่าไม่ใช่ สุดท้ายจึงเดินหน้าแจ้งความเอา ผิดครูที่ทำเกินกว่าเหตุ และไม่อยากให้ลูกชายผมต้องตกเป็นทาสอารมณ์ของครู สาวคนนี้อีก จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบดังกล่าว.
Discussion about this post