เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง โดยได้รับการเปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนเศร้า ของคุณประภารัตน์ หรือ ป้าโอ๋ ศรีอนงค์อายุ 62 ปี ที่อยากเจอหน้าลูกชายคือนายคุณวุฒิ หรือโอ๋ ศรีอนงค์ อายุ 28 ปี หลังไปอยู่กินฉันสามีภรรยา กับนางสาวลลิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี แล้วทิ้งผู้เป็นแม่ไปโดยไม่เหลียวแล ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย แม้กระทั่ง โทร ศัพท์มือถือก็บล็อคเบอร์แม่ ย้ายที่อยู่อาศัยไม่ให้ป้าโอ๋ ผู้เป็นแม่ได้รับรู้ จนทุกวันนี้ป้าโอ๋กินไม่ได้นอนไม่หลับมานานกว่า 1 ปี เพราะคิด ถึงแต่ลูกชายเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะจนเติบใหญ่ส่งเสียเล่าเรียนจนจบชั้น ปวส.
ป้าโอ๋ เล่าทั้งน้ำตา อาบหน้าว่า หลังจากสามีตนเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานขณะอายุ 43 ปี ช่วงที่ตนท้องลูกชายคนนี้ 6 เดือน เคยจะถูกคนข้างห้องพยายามข่มขืน ตนต้องต่อสู้ดิ้นรนจนเอาตัวรอด เพื่อปกป้องตัวเองและลูกโอ๋ที่อยู่ในท้อง ตนต้องลำบากเลี้ยงดูเขามาอย่างดีในฐานะแม่และมีความผูก พันกับลูกชายคนนี้มาก เมื่อเขาเติบใหญ่ทุกวันทุกครั้งที่เขากลับจากเรียนหนังสือ เขาก็จะมาหอมแก้มกอดแม่ตลอดเวลา
แต่พอมารู้จักกับนางสาวรมิตา และคบหาเป็นแฟนกันนั้น จนลูกชายได้พาแฟนสาวมาอาศัยอยู่ที่บ้านตนนานถึง 3 ปี ตลอดเวลาตนก็รักแฟนลูกชายคนนี้เหมือนที่ลูกชายรัก บางครั้งลูกชายทะเลาะกับแฟนสาวตนยังเข้าข้างแฟนลูก ชายเลย ตลอดเวลานานกว่า 3 ปี มาระยะหลังๆตนรู้สึกว่าลูกชายมีอาการเหม่อลอย และหลงใหลในตัวแฟนสาวคนนี้มาก ตนจึงเอารูปลูกชายและแฟนสาว ไปให้อาจารย์อ๊อด ซึ่งเป็นพระชื่อดังที่วัดหูช้าง จังหวัดนนทบุรี และเป็นอาจารย์ที่เก่งมาก มีชาวบ้านเคารพนับถือบูชามากหน้าหลายตา โดยอาจารย์เองเมื่อเห็นรูปลูกชายกับรูปแฟนสาวของลูกชายก็บอกกับตัวเองว่า ลูกชายตนโดนมนต์เสน่ห์อย่างแน่นอน
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งตนได้เอาผ้าถุง คลุมหัวลูกชาย ปรากฏว่าเขาทำตาเขียวใส่ตนแล้วตะคอกว่า “อย่ามาทำแบบนี้นะ คิดว่าโดนของหรอ” แล้วจู่ๆเมื่อวันที่ 3 สิงหา คม 65 ทั้งสองคนก็ได้หอบเสื้อผ้าออกจากบ้านตนเองไปโดยไปเช่าบ้านอยู่แถววัดสวนแก้ว ย่านบาง ใหญ่ ตนเองก็รู้สึกเสียใจเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด รักทั้งสองคนไม่น้อยไปกว่ากัน หลังจากตนเองทราบว่าทั้งสองคนไปเช่าบ้านอยู่ ตนเองจึงได้ชวนญาติผู้น้องไปหาลูกชาย
แต่เมื่อไปถึงทางแฟนลูกชายและแม่ของเขาไม่ยอมให้ลูกชายของตนออกมาพบตนเองที่หน้าบ้าน ให้แค่เพียงตนยืนคุยกับลูกชายผ่านรั้วประตูบ้านเท่านั้นตนได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ ขอให้ลูกชายออกมาข้างนอกเพื่อจะขอกอดให้หายคิดถึง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตจากแฟนสาวของเขา (มีคลิปตอนตนคุยกับลูกชายผ่านประตูรั้วที่ญาติถ่ายไว้ให้) ตนพยายามวิง วอนขอความเห็นใจร้องไห้ขอให้ได้กอดลูกชาย แต่ก็ไม่เป็นผล ตนจึงเปิดประตูเข้าบ้านไป เขาก็ตะโกนไม่ให้เข้ามา ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเอาตัวตนออกไป และแจ้งข้อหาบุกรุก โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เอาเรื่อง แล้วพูดให้ตนฟังว่าลูกชายอายุ 20 กว่าแล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ “หัวอกคนเป็นแม่ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ถามว่าจะตัดใจได้ไหม เพราะตนก็มีเพียงแค่เขาที่เป็นลูกชายคนเดียว หากลูกอั๋นได้เห็นข่าวก็ขอให้ติดต่อหรือกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านบ้าง แม่ยังรักลูกอั๋น รอการกลับมาของลูกตลอดเวลา” แม่โอ๋ กล่าวทั้งน้ำตา.
Discussion about this post