บุรีรัมย์ – ตำรวจรวบแล้ว !! แก๊งขโมยสายไฟทางหลวงทำไฟฟ้าถนนดับยาว

วันที่ 14 ก.ค.66 พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรักษา รองผกก.(สืบสวน) สภ.หนองกี่ อ.หนองกี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เข้าควบคุมตัวนายณัฐพล ไชโย อายุ 30 ปี น.ส.วจี แก้วหงษ์คำ อายุ 34 ปี และ ด.ช.(เอ) นามสมมุติ อายุ 14 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 107 ม.7 ต.โคกสว่าง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์

หลังจาก พ.ต.อ.ยุทธนา ไตรทิพย์ ผกก.สภ.หนองกี่ อ.หนองกี่ กำชับให้ตรวจพื้นที่ให้เข้มข้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านในเขต อ.หนองกี่ และทรัพย์ สินของทางราชการ หลายครั้ง

จนกระทั่งพบบุคคลมีท่าทางพิรุธ จำนวน 4 คน จนท.จึงได้แสดงตัว โดยเมื่อทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งหลบหนีไปได้จำนวน 1 คน สามารถควบคุมตัวได้ 3 คนดังกล่าว

จากการตรวจสอบภายในบ้านพัก ปรากฎว่าพบสายไฟฟ้าที่ถูกปอกสายหุ้มออก เหลือทองแดงมัดรวมกันเพื่อเตรียมเอาไปขายเป็นของเก่าซึ่งมีราคาสูงถึง กก.ละกว่า 200 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีทรัพย์สินอื่น เช่นปั๊มน้ำ และซากการชำแหละรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่งด้วย

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายณัฐพล ให้การรับสารภาพว่าทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านขโมยมาจากบ้านเรือนชาวบ้านทั่วไป รถจักรยาน ยนต์ก็จะเอามาชำแหละขายเป็นอะไหล่และของเก่า ปั๊มน้ำจะเอาไปขายตลาดมืด ส่วนสายไฟฟ้าจะเอามาปอกพลาสติกออกแล้วเอาทองแดงไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า

โดยนายณัฐพล ยังสารภาพด้วยว่า คนร้ายที่กำลังงัดตู้คอนโทรล และสายไฟฟ้า ระหว่างเจ้าหน้าที่หมวดการทาง อ.นางรอง ไปเจอ เป็นตนเองที่ขี่รถจักรยานยนต์หนีไปต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ส่วนที่กล้าเข้าไปขโมยสายไฟของทางราช การ เพราะดูวิธีการตัดกระแสไฟฟ้าจากยูทูป สาเหตุที่มายึดอาชีพนี้ เพราะเคยติดคุกที่เรือนจำมีนบุรี เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 2565 แต่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จึงพาภรรยายึดอาชีพลักทรัพย์มาโดยตลอด ส่วนเงินที่ได้มาเอามาใช้จ่ายภาย ในครอบ ครัว และซื้อยาบ้ามาเสพ ส่วนหลานวัย 14 ปี ที่ตำรวจควบ คุมตัวมาด้วย ไม่รู้เรื่องกับพฤติ กรรมของตนเองกับภรรยา

ด้านนายปกรณ์ ศรีปาลวงศ์ รอง ผอ.สำนักงานทางหลวงที่10 นคร ราชสีมา กล่าวว่า ที่ผ่านมามักจะมีคนร้ายแอบมางัดแงะอุปกรณ์สายไฟฟ้าของแขวงการทางเป็นประ จำ เป้าหมายคือต้องการทองแดงในสายไฟฟ้า และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่จะเป็นหาของเก่า ทั้งนี้ต้องฝากขอบคุณไปยัง พล.ต.ต รุธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่กำชับ จนท. ปราบ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร และเสพยาให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า).