
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สวนถาวรอินท ผลัม บ้านห้วยป่าม่วง ต.โนนปูน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสวนของ นายถาวร สิมหม้อ อายุ 52 ปี หลังมีแนวคิดกล้าที่จะเปลี่ยนจากการทำนาข้าว บนพื้นที่ที่แห้งแล้ง มาปลูกพืชทดแทน เพื่อสร้างมูล ค่าเพิ่ม เพื่อความอยู่รอด จนกระ ทั่งได้ไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพืชอินทผลัม ซึ่งเป็นพืชทนแล้ง ปลูกได้เพียง 3 ปี ปรากฏว่ามีรายได้เฉียดล้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำนามาหลายสิบปีไม่เคยแม้แต่จะเห็นเงินแสน ซ้ำขาดทุนย่อยยับ
นายถาวร สิมหม้อ เจ้าของสวน เล่าว่า ตนมีที่ดิน 2 ไร่เศษ เดิมพื้นที่ตรงนี้ทำนาปลูกข้าว ไม่ค่อยได้ผลผลิตดีเท่าที่ควร เพราะประ สบปัญหาแล้ง บางปีก็น้ำท่วมเสียหาย บางปีทำนาได้ข้าวเพียงแค่ 3 กระสอบ ประกอบกับต้นทุนสูง ราคาปุ๋ยแพง ยิ่งทำยิ่งจน ตนจึงพยายามศึกษาหาวิธีว่าจะหาพืชอะไรมาทดแทนการปลูกกข้าว ตอนแรกคิดอยากจะปลูกทุเรียนพันธ์หมอนทอง แต่ต้นทุนการปลูกสูงมาก เนื้อที่ 2 ไร่เศษ จะใช้เงินลงทุนอยู่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ตนไม่มีเงินลงทุนมากขนาดนั้น จึงเปลี่ยนมาศึกษาอินทผลัม พันธุ์บาฮี ทานผลสด ซึ่งเป็นพืชทะเลทรายทนแล้ง เหมาะสมกับพื้นที่ของเรา
จากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาดูงาน เกี่ยวกับวิธีการปลูกที่ จ.นครราช สีมา ก่อนที่จะเปลี่ยนมาปลูกอินทผลัม ยอมรับว่าคิดมาก คิดหนักอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเราเป็นชาวนา ทำนามาทั้งชีวิต ประกอบกับต้องลงทุนเยอะ ทั้งค่าใช้จ่ายในการปรับสภาพที่ดิน ต้องซื้อพันธุ์พืช ต้องสร้างระบบน้ำ และปุ๋ย แต่หลังจากได้ศึกษาแล้ว ตนคิดว่าการปลูกอินทผลัม ลงทุนน้อยกว่าการปลูกทุเรียนถึง 3 เท่า จึงตัดสินใจเริ่มต้นปลูกเมื่อปี 2563 จำนวนกว่า 50 ต้น ความห่าง 8X8 เมตร และเริ่มให้ผลผลิตเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ปีแรกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม ราคาหน้าสวนขณะนี้อยู่ที่ราคา กิโลกรัมละ 250 บาท และปี 2566 นี้ คาดว่าจะได้ผลผลิตอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 3 ตัน หรือคิดเป็นเงินสด ประมาณ 750,000-1,000,000 บาท ซึ่งถือว่ารายได้เมื่อเทียบกับการทำนาข้าวมาทั้งชีวิต ที่ทำนา 10-20 ปี ก็ไม่เคยได้เห็นเงินแสน เงินล้าน มาถึงตอนนี้ยอมรับว่าพอใจมาก ส่วนรสชาติของอินทผลัม ที่สวนของตนนั้น จะมีความพิเศษอยู่คือ จะมีรสชาติหวาน มัน กรอบ และไม่ฝาด จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ามาเที่ยวชมและชิมฟรีได้ตลอดทั้งวัน.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน
Discussion about this post