
วันที่ 3 ส.ค.66 ที่ห้องประชุมโรงสูบน้ำ บ.อีสท์วอเตอร์ อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทราประชาชนจากหลายภาคส่วน ประกอบด้วยผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ สภาเกษตรกร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ได้เข้าร่วมสังเกต การณ์ระดับน้ำในแม่น้ำบางปะกง หลังการทดสอบระบบ เดินเครื่องสูบน้ำของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ พบว่าเมื่อเดินเครื่องสูบน้ำเต็มพิกัด 4 ตัวแล้ว ไม่กระทบต่อการไหลของน้ำแต่อย่างใด จึงได้ลงความเห็นให้บริษัทฯ ทดลองสูบน้ำเป็นเวลา 7 วัน หากไม่ส่งผลกระทบต่อความเค็มและระดับน้ำในพื้นที่ จะได้ร่วมส่งเสริมให้สูบผันน้ำไปสำรองใช้ในอนาคต เตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งจากเอลนีโญ่
นายวาทิต ประสมทรัพย์ ผจก. CSR.ผู้แทนจากบริษัทฯ ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าจังหวัดฉะเชิงเทราไม่มีแหล่งสำรองน้ำอยู่ใกล้ตัวเมือง ดังนั้นในช่วงฤดูฝน 3-4 เดือน จึงต้องสูบส่งน้ำจากแม่น้ำบางปะกงไปฝากไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ และแหล่งสำรองน้ำของบริษัทฯ ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อส่งกลับมาใช้ในจังหวัดฉะเชิงเทราในช่วงฤดูแล้ง 8 เดือน อย่างไรก็ดี สถานการณ์น้ำในปัจจุบันถือว่าเข้าขั้นวิกฤต เพราะน้ำในจังหวัดชลบุรีหมดแล้ว หากไม่สามารถสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกงขึ้นมาใช้ได้ จะกระทบต่อคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภคในจังหวัดฉะเชิงเทรา และจะทำให้ไม่มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้า
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทฯ ยืนยันว่า ยังคงให้ความสำคัญต่อเรื่องความยั่งยืนทั้งในมิติของสังคม เศรษฐ กิจและสิ่งแวดล้อม และยังมีความยินดีที่จะร่วมมือกับท้องถิ่นในการแก้ปัญหาของเกษตรกร ทั้งนี้ น้ำที่สูบขึ้นมาจากแม่น้ำบางปะกง คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 0.5 ของน้ำที่ไหลในแม่น้ำเท่านั้น เชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบต่อการทำนาของเกษตร กร และไม่มีผลต่อการรุกล้ำของน้ำเค็มแต่อย่างใด.
Discussion about this post