
ชาวบ้านสองฝั่งกว่า 300 คน เข้า หารือหาข้อยุติกรณี้ขัดแย้งภาย ในวัดวัดปราสาททองสุทธาราม จังหวัดนครปฐม โดยช่วงหารือมีการสาดอารมใส่กันหวิดวางมวยและเริ่มบานปลาย จนกระทั่งการไกล่เกลี่ยต้องยุติกลางคันเพราะเจ้าหน้าที่เกรงควบคุมสถาน การณ์ไม่ได้ โดยทางอดีตไวยาวัจกรณ์ เผยเจ้าอาวาสวัดรูปใหม่บริหารงานไม่โปรงใส่ใช้เงินไปเที่ยวไม่ทำนุบำรุงวัด สร้างความชัดแย้งในวัดและชุมชน ส่วนเจ้าอาวาสใหม่ เผยมารเสียผลประ โยชน์จากที่คนที่เคยได้รับทำให้ไม่พอใจการทำงาน ซึ่งได้ตั้งทีมกฎหมายไว้ชี้แจงแล้ว และอยากทำงานบริหารวัดไม่ใช่มาสร้างความขัดแย้ง
วันนี้ 5 สิงหาคม 66 ผู้สื่อข่าวราย งานว่าที่ ศาลาการเปรียญ วัดปราสาททองสุทธาราม ต.ห้วยม่วง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้มีประชาชน 2 ฝ่าย กว่า 300 คน รวมตัวเพื่อมาร่วมประชุมหารือและข้อยุติกรณีการพิพาทระหว่างศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสและศิษย์ของเจ้าอาวาสรูปใหม่ โดยมี พระครูอมรบุญญารักษ์ เจ้าคณะอำเภอกำแพงแสน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน ปลัดอำเภอกำแพงแสน เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า อดีต ส.ส.นครปฐม ร่วมเป็นตัวกลางในการเจรจาแก้ปัญหาซึ่งเริ่มยืดเยื้อบานปลายไปถึงชุมชน
โดยการระหว่างการประชุมหารือ ชาวบ้านทั้ง 2 ฝั่งได้แสดงความคิดเห็นที่เริ่มบานปลายด้วยปัญหาที่หมักหมมมาราว 1 ปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเงินปัจจัยของวัด และทรัพย์สมบัติของอดีตเจ้าอาวาสรูปแรกที่ล่วงลับและเจ้าอาวาสรูปก่อนซึ่งได้ย้ายออกไป โดยมีหลายประเด็นในการนำมาสอบถามกลางที่ประชุม ก่อนที่เหตุการณ์อารมของทั้ง 2 ฝั่งจะเริ่มมีใส่กันจนเกือบจะมีการลงไม้ลงมือ ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาคอยควบคุมสถานการณ์ และต้องมีการประกาศยุติการหารือไว้โดยยังไม่มีกำหนด เพราะเจ้าหน้าที่เริ่มจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
สำหรับประเด็นในการขัดแย้งดังกล่าว สืบเนื่องจากได้มีชาวบ้าน ราว 50 คนได้ลงชื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระครูปลัดประภาส (มหานิกาย) เจ้าอาวาสปราสาททองสุทธาราม ว่ามีข้อสงสัยในเรื่องการบริหารทางการเงิน รวมถึงสร้างความแตกแยกกับคณะสงฆ์ในวัดและศิษย์รวมถึงชาวบ้าน ต่อที่ว่าการอำเภอกำแพงแสน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม
ซึ่งในการสอบถามข้อมูลมีการสอบถามถึงเงินทอดผ้าป่า ทรัพย์สมบัติของอดีตเจ้าอาวาสผู้ล่วงลับ และรถยนต์ที่เป็นชื่อของวัด และขอให้มีการนำสมุกดบัญชีของวัดออกมาให้ตรวจสอบ โดยพระครูปลัดประภาส เจ้าอาวาสได้ให้ฝ่ายกฏหมายของวัดได้นำเอกสารมาชี้แจงต่อที่ประชุม แต่ก็ยังมีการสอบถามในส่วนต่างๆ ซึ่งเกือบทุกข้อสงสัยจะมีฝ่ายของผู้สนับสนุนเจ้าอาวาสรูปใหม่พยายามจะตรงเข้าไปตอบคำถามต่อหน้าผู้ซักถาม และมีฝ่ายที่ร้องเรียนได้พยายามแสดงอารมร่วมกันตอบโต้ไปมาจนทำให้การหารือเป็นไปอย่างร้อนแรงตลอดระยะเวลา เกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนจะจะไร้ข้อยุติ
นายเอื้อน ทนุพล อายุ 70 ปี อดีตไวยาวัจกรณ์ บอกว่า ตนเองเป็นไวยาวัจกรณ์ที่วัดนี้มา 2 เจ้าอาวาส รูปละ 17 ปี ซึ่งไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน กระทั่งเจ้าคณะอำเภอได้ให้เจ้าอาวาสรูปเดิมย้ายไปอยู่ที่วัดทะเลบก ในเขตอำเภอกำแพง แสน และได้แต่งตั้งพระครูปลัดประภาส มาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งทางเจ้าอาวาสรูปเก่าได้แจ้งให้มีการแต่งตั้งตนเองทำหน้าที่ต่อแต่ก็ไม่ยอมและไปแต่งตั้งคนของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข้อสงสัยว่าเงินกฐินผ้าป่าไปไหนหมด และยังทราบมาว่าเอาเงินเหล่านี้ไปเที่ยวต่างประเทศ โดยไม่สร้างอะไรมาปฏิสังขารณ์วัด และเงินที่เคยทำไว้เจ้าอาวาสองค์เก่าไม่เคยขาดทุน ซึ่งมองแล้วไม่สมควรเพราะวัดยังไม่ได้ร่ำรวยอะไร และยังทำให้เกิดปัญหาภายใสนวัดรวมถึงทำให้ชาวบ้านแตกแยกจึงได้ไปร้องเรียนและมีการเชิญมาหารือกันในวันนี้
พระครูปลัดประภาส เจ้าอาวาส กล่าวว่า อาตมาได้มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้เพราะพระท่านผู้ใหญ่ให้มาทำงานไม่ได้มาขัดแย่งกับใครและที่ผ่านมาก็ใช้สติปัญญากับการพัฒนาวัด ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะทำให้คนเก่าเสียผลประโยชน์ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญมาคุยกัน โดยเฉพาะเรื่องบัญชีวัดที่ทำมา 1 ปีเศษ ว่ามีอะไรบ้าง ก็ต้องลองดูว่าเขามาวันนี้ต้องการอะไรกันแน่.
Discussion about this post