
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.66 ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีข้อร้องเรียนระบุ สะพานชมธรรมชาติริมคลองอีแอด ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี มูลค่าการก่อสร้าง 26,061,000 บาท วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2565 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนด แต่ปัจจุบันมีสภาพชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้และไม่ได้รับการซ่อมแซม ถูกทิ้งร้าง
นายยุทธพล กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อม นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) นางดาวรุ่ง ใจจริง ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน นางสาวอาทิตา จุ้ยจู่เอี้ยม เลขานุการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสืบสกุล หนูไชยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 ตัวแทนบริษัทผู้รับจ้างและคณะอาจารย์ด้านวิศวกรรมโยธาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่าเกิดความชำรุดเสียหายหลายจุด บริเวณสะพานมีการทรุดตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากคลื่นที่เกิดจากการสัญจรของเรือประมงขนาดใหญ่ซัด เพราะมีการสัญจรเข้าออกบริเวณดังกล่าวจำนวนมากต่อวัน ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของฐานสะพาน รวมถึงศาลาเอนกประสงค์เกิดความเสียหาย ประตูหน้าต่างชำรุด ถูกบุกรุกงัดแงะ กระจกถูกทุบแตก ห้องน้ำสภาพใช้งานไม่ได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 ให้ข้อมูลว่า การสร้างสะพานชมธรรมชาติ อาคารอเนกประสงค์ระหว่างเส้นทางชมธรรมชาติ ห้องน้ำที่ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว เป็นโครงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก กิจ กรรมพัฒนาภูมิทัศน์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลน ภายใต้โครงการป่าในเมือง ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ได้รับงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ตามแผนปฎิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2563 โดยมีบริษัทเอกชนเป็นผู้รับจ้าง เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2563 ต่อมาประสบปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปัญหาการทำงานไม่เป็นเวลาเนื่องจากสถานที่ก่อสร้างมีน้ำขึ้น-ลงตลอดเวลา ทำให้มีการขยายเวลาดำเนินการออกไป กระทั่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่จากการขยายเวลาการก่อสร้างเป็นระยะเวลานาน ส่งผลทางกฎหมาย งบประมาณถูกพับ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณให้กับผู้รับจ้างได้ เป็นจำนวนเงิน 12,795,390 บาท
นายยุทธพล กล่าวต่อว่า กระทั่งกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่างได้รับอนุมัติจากสำนักงบประมาณ โอนเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบฯ 2565 ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เพื่อจ่ายชดเชยงบประมาณรายจ่ายที่ถูกพับไปดังกล่าว ทำให้สามารถชำระเงินให้กับผู้รับจ้างได้ จำนวน 6,294,493 บาท คงค้างชำระ 6,500,869 บาท กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำชับสำนัก งานทรัพยากรทางทะเลและชาย ฝั่งที่ 3 โดยให้ 1.เร่งประสานติดตามทางบริษัทผู้รับจ้างเข้าซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดให้เรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ได้ 2.ประสานจังหวัดเพชรบุรี เพื่อจัดตั้งงบประมาณส่วนที่ยังขาดจำนวน 6,500,869 บาท ให้ผู้รับจ้าง 3.เมื่อซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเรียบร้อยแล้วให้ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวผู้ที่เข้าเยี่ยมชม.
Discussion about this post