วันนี้ (13ก.ย.66) ที่สวนมาลา บ้าน กม. 9 อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นางสุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม หรือ คุณขวัญ เกษตรกรผู้ปลูกเงาะลิ้นจี่ หรือ เงาะปูลาซัน หนึ่งในของขึ้นชื่ออำเภอเบตง ที่ปลูกมานานกว่า 20 ปี ในพื้นที่ 25 ไร่ จากทั้งหมด 60 ไร่
นางสุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม เล่าว่า เมื่อก่อนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่กรุงเทพฯ เมื่อพ่อกับแม่อายุมากขึ้นจึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด และทำสวนผลไม้ต่อจากครอบครัว โดยที่สวนจะปลูกทุเรียน มังคุด ลองกอง และเงาะลิ้นจี่ ถ้านับเฉพาะเงาะลิ้นจี่ตอนนี้มีทั้งหมด 100 ต้น เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วคุณพ่อนำต้นพันธุ์เข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสายพันธุ์มาจากอินโดนีเซียหลังจากลองปลูกดูทำให้รู้ว่าเงาะลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่ดูแลไม่ยาก แต่จะออกผลแค่ปีละครั้ง โดยช่วงแรก ๆ เราก็เน้นขายให้คนในพื้นที่ ซึ่งการโปรโมตก็จะใช้วิธีบอกกันปากต่อปาก พอคนรู้มากขึ้นก็ขายได้มากขึ้น บางครั้งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทั้งไทยและมาเลเซียมารับไปวางที่แผงด้วย สองกลุ่มนี้ก็เลยเป็นเหมือนลูกค้าหลักที่อยู่กับเรามานาน ซึ่งปัจจุบันเราก็เพิ่มในส่วนของขายออนไลน์มากขึ้นด้วย ช่วยให้มีคนรู้จักและขายได้มากขึ้น
คุณขวัญ เล่าอีกว่า เงาะลิ้นจี่ เป็นเงาะไร้ขน ผลสีแดงสด มองเผิน ๆ ดูคล้ายลิ้นจี่ยักษ์ รสชาติหอมหวาน เปลือกหนา เนื้อไม่ติดเมล็ด และออกผลเพียงปีละครั้ง สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งปัจจุบันยังมีคนปลูกไม่มาก ทำให้ตลาดมีความต้องการค่อนข้างสูงสวนทางกับผลผลิตที่มีไม่เพียงพอ หลังการเก็บเกี่ยวในแต่ละปี จึงต้องเปิดให้ลูกค้าทำการจองโดยแจ้งความประสงค์กับทางสวนไว้ก่อน กระทั่งใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวรอบถัดไปจึงยืนยันการจองอีกครั้ง จึงนับเป็นอีกหนึ่งผลไม้หาทานยากที่มียอดจองข้ามปีเลยทีเดียว โดยขายให้คนในพื้นที่ กิโลกรัมละ 100 บาท หากส่งต่างจังหวัด ขายออนไลน์ ขายกิโล กรัมละ 130 บาท และนอกจากผลแล้ว ที่สวนของยังมีการเพาะต้นพันธุ์ขายอีกด้วย โดยขายราคาต้นละ 400บาท ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามอายุและความสูงของกิ่งพันธุ์ เช่น ต้นที่มีอายุ 6-9 เดือน สูงประมาณ 70 เซนติเมตร จะมีราคา 450 บาท แต่หากเป็นต้นที่สูงกว่านี้ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เป็นต้น
สำหรับการขยายพันธุ์สามารถทำได้โดยใช้วิธีติดตา ซึ่งจะต้องเพาะเลี้ยงกิ่งพันธุ์จนมีอายุประ มาณ 6 เดือน-1 ปี จึงนำลงแปลงปลูก ปกติเงาะลิ้นจี่เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำเยอะ คอยดูแลรดน้ำเพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ เนื่องจากสภาพอากาศของอำเภอเบตงนั้นมีฝนตกตลอดปีทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำ แต่หากนำไปปลูกในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีสภาพอากาศไม่แน่นอนก็อาจจะต้องปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ ส่วนของรายได้ปกติเราจะคิดโดยเฉลี่ยต่อต้นสมมุติว่าในหนึ่งต้นเก็บได้ประมาณ 20 ตะกร้า ตะกร้าละ 20 กิโลกรัม เฉลี่ยทั้งราคาปลีกและส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 -130 บาท แต่จำนวนนี้ถือเป็นจำนวนที่ไม่ค่อยแน่นอนนัก ถ้าเป็นปีที่มีผลผลิตในระดับปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรจะมีรายได้จากการขายเงาะลิ้นจี่ 5 แสนบาทต่อปีเป็นอย่างต่ำ ด้วยความที่เงาะลิ้นจี่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ยังไม่แพร่หลายในภาคอื่น ๆ แต่เชื่อว่าในอนาคตจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพืชตัวนี้มีจุดขายในตัวเอง มีเอกลักษณ์ที่ทำให้ดูเป็นสินค้าที่ค่อนข้างพิเศษ บางคนเขาก็จะใช้เป็นของฝากสำหรับผู้ใหญ่ เพราะเป็นผลไม้ที่มีไม่เยอะและยังหาทานยาก
สำหรับผู้ที่สนใจซื้อสินค้าจำเป็นจะต้องทำการจองล่วงหน้า โดยสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ รวมถึงจำนวนไว้ และรอจนกระทั่งใกล้รอบเก็บเกี่ยวทางสวนจะยืนยันออร์เดอร์อีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะไม่มีการเก็บเงินมัดจำล่วงหน้า เพื่อป้องกันการตกหล่นที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ที่สนใจสามารถติด ต่อได้ที่ โทร.06-2949-1939 หรือ Facebook : เงาะลิ้นจี่ สวนมาลา กม.9 เบตง.
เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา
Discussion about this post