เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายนิพนธ์ ทรัพย์เจริญไวทย์ อายุ 65 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านต.บางบัว ทอง อ.บางบัวหอง จ.นนทบุรี ว่าถูกเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ทราบชื่อต่อมาคือนายสมภาร พรมแทน ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66 เวลา 17.53 น. แจ้งความไว้ที่สภ.บางบัว ทอง
กล้องวงจรปิดเวลา 17.53 น. วันที่ 20 ก.ย. 66 จับภาพนิพนธ์ (ผู้บาดเจ็บ) ยืนถ่ายรูปนายสมภาร (คู่กรณี) เพื่อผลัดเวรเฝ้าป้อม รปภ. ของหมู่บ้าน และได้มีการโต้เถียงกัน ก่อนนายนิพนธ์จะเดินไปหยิบไม้ถูพื้น ปรี่เข้าไปหานายสมภาร จากนั้นนายสมภารจึงเข้าไปล็อคคอนายนิพนธ์ และเตะเข่าประ มาณ 7 ครั้ง ก่อนจะจับนายนิพนธ์ทุ่มลงพื้นทำให้ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง นายสมภารได้เข้าไปช่วยพยุงนายนิพนธ์ให้ยืนขึ้น แต่นายนิพนธ์ยืนไม่ไหวทำให้ล้มลงอีกครั้ง นายสมภารจึงเข้าไปช่วยพยุงอีกก่อนจะมีลูกบ้านในหมู่บ้านเข้ามาช่วยเหลือ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงผลัดเวรเฝ้าป้อม รปภ.ของหมู่บ้าน ตนเข้าเวรช่วงกลางวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น. ส่วนคู่กรณีมาจะเข้าเวรช่วงกลางคืน ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 06.00 น. ตนถามคู่กรณีว่า “มาทำงานสายทุกวันไม่อายบ้างเหรอ” คู่กรณีตอบว่า “ไม่ชินเหรอ มาสายทุกวัน” โดยปกติคู่กรณีมาทำงานสายบ่อย มากสุดถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่งจะมาทำงานที่หมู่บ้านนี้ได้ไม่กี่เดือน เพราะย้ายมาจากที่อื่น ซึ่งตนไม่ทราบนิสัยใจคอ รู้แค่คู่กรณีเคยทะเลาะกับประธานหมู่บ้านที่ทำงานเก่าเลยต้องย้ายมาที่นี่ ทำงานทุกวันก็ไม่ได้สุงสิงกัน ถึงเวลาเลิกงานแยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งหลังเกิดเหตุตอนนี้ตนบาดเจ็บซี่โครงหัก หัวแตก เย็บ 8 เข็ม เจ็บช้ำตามร่างกาย ส่วนตรงหัวไหล่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรทำให้ยกแขนไม่ได้ ทางบริษัทที่จ้างงานตอนนี้ให้หยุดทำงานไปก่อนประมาณอาทิตย์นึง ให้มาพักรักษาตัว ส่วนเรื่องจะให้ทำงานต่อมั้ยยังไม่ได้พูดคุยตรงนี้ ซึ่งตนได้เข้าแจ้งความแล้วที่สภ.บางบัวทอง ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดกับนายสมภาร (คู่กรณี) และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นายบัญญาวัสถ์ มูลศรี อายุ 49 ปี รุ่นพี่ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า วันนั้นเหตุเกิดน่าจะเพราะรุ่นน้องตนมาทำ งานสาย ส่วนตัวรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาสิบกว่าปีแล้ว ส่วนมากน้องจะเคารพคนโต ไม่เคยเห็นรุนแรงขนาดนี้โดยปกติผู้ก่อเหตุเป็นคนนิ่งๆ แต่มีมาพูดคุยกับตนหลายรอบว่ามีปัญหากันกับผู้บาดเจ็บ ตนไม่ทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกันหรือไม่ คาดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องมาจากเรื่องงานเป็นหลัก อาจจะเก็บกดมานานต้องถามเจ้าตัวเองด้วย เพราะตนไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุตอนนั้น
เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายสมภาร (คู่กรณี) โดยภรรยานายสมภารได้รับสายและแจ้งว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ไม่อยากให้เป็นข่าว และตอนนี้พูดอะไรไปคงไม่มีประโยชน์แล้ว ตนได้ติดต่อไปยังนายนิพนธ์แล้ว อยากเข้าไปขอโทษ เข้าไปรับผิดชอบ แต่ทางนายนิพนธ์ไม่ยอมรับคำขอโทษอะไรยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสังคมจะตัดสินยังไงก็แล้วแต่จะคิดเพราะเรื่องมันเกิดไปแล้ว และคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้.
Discussion about this post