
ที่โรงเรียนบ้านฉู่ฉี่ ดอนหอยหลอด ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พระเมธีวัชรประชาทร (ท่านเจ้าคุณ ดร.หลวงพ่อแดง นันทิโย) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 15 ที่ปรึกษาคณบดีคณะสังคมศาสตร์ รองเจ้าคณะอำเภออัมพวา ผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารท้องถิ่น และ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ได้นำนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารท้องถิ่น (ป.บท.) วัดอินทาราม 65 คน มาร่วมปลูกป่าชายเลนเพื่อเป็นกำแพงป้องกันน้ำทะเลเซาะชายฝั่ง รวมทั้งป้องกันพายุทางทะเล และเป็นสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำ สร้างอาหารของชาวบ้านใกล้ชายฝั่ง โดยมีนางสุภาพ คงรักษา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางจะเกร็ง เป็นวิทนากรให้ความรู้ในการปลูกต้นโกงกางบริเวณป่าชายเลนหลังโรงเรียนบ้านฉู่ฉี่
นายนาวิน แกละสมุทร ผอ.ร.ร.บ้านฉู่ฉี่กล่าวว่า ป่าชายเลนแห่งนี้ติดทะเลดอนหอยหลอด มีเนื้อที่กว่า 5 ไร่ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ของ ร.ร.บ้านฉู่ฉี่ มีคุณค่าทางสิ่งแวดล้อม และมีความสำคัญระดับโลก ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หรือแรมซ่าไซด์ มีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงคือช่วยลดความรุนแรกของพายุที่ซัดเข้าฝั่ง โดยเฉพาะเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเกิดพายุซัดบ้านเรือนประชาชนริมชายฝั่งทะเลดอนหอลหลอด แต่ ร.ร.บ้านฉู่ฉี่ไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากป่าชายเลนผืนนี้ป้องกันพายุลมแรงไว้ ส่วนทางอ้อมป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน เมื่อเติบใหญ่จะเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อีกทั้ง ร.ร.บ้านฉู่ฉี่จึงเปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
พระเมธีวัชรประชาทร กล่าวว่า กิจกรรมปลุกป่าครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารท้องถิ่น (ป.บท.) วัดอินทาราม ที่เน้นการลงพื้นที่ลงปฏิบัติจริง เนื่องจากอาตมาสอนผู้นำเชิงพุทธ นักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ต้องทำได้จริง และต้องนำจริง ได้ผลดีกว่านั่งเรียนแต่ในห้อง ถือเป็นนิมิตรใหม่ของวงการศึกษาที่ไม่ใช่นั่งเรียนแต่ในห้อง ดังนั้นโครงการปลูกป่าชายเลนครั้งนี้เกิดจากความคิดของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารท้องถิ่น (ป.บท.) วัดอินทาราม ซึ่งส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาในท้องที่ใกล้ป่าชายเลน ได้เห็นความสำคัญป่าชายเลน คือเป็นเสมือนกำแพงป้องกันน้ำทะเลเซาะชายฝั่ง, เป็นที่ป้องพายุทางทะเล, เป็นสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ของชาวที่อยู่บ้านใกล้ชายฝั่ง ดังนั้นนักศึกษาจำนวน 65 คน จึงพร้อมใจกันระดมทุน และกำลังกาย พร้อมใจกันมาปลูกป่าชายเลนในดอนหลอยหลอดแห่งนี้ ที่ถือว่ามึคุณค่าแต่ยังไม่มีคนรู้จัก และเป็นโรงเรียนเดียวในจังหวัดสมุทรสงครามที่มีป่าชายแลน จึงต้องมีการพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้นหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยวแหล่งใหม่ ในจังหวัดสมุทรสงคราม
Discussion about this post