
กาฬสินธุ์ – ลั่นเอาผิดทั้งวินัย- อาญา ไล่ตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนหลังถึงปี 62 ชี้ใช้ช่องโหว่กฎหมาย เอื้อนายทุนค้าไม้ ทำรัฐสูญเสียประโยชน์ ก่อนหน้านี้เคยเกิดในพื้นที่ศรีสะเกษ ขณะที่ “ผอ.ทสจ.กาฬสินธุ์” นำทีมชุดสืบสวนฯ ควานหาตัวเจอแล้ว พ่อค้ารับซื้อไม้ชุดแรก 3 คน ซื้อราคาต่ำกว่าปกติ สอบละเอียดยิบทุกขั้นตอนเชื่อมโยงใครบ้าง มั่นใจเป็นแค่ “นอมินี”เท่านั้น ยันราคาซื้อต่ำกว่ามาตรฐานกรมป่าไม้ชัดเจน
จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยาง ตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อต้นเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการพบเหตุตัดไม้พะยูงขายในโรง เรียนและที่ราชพัสดุจำหน่ายหลายแห่ง โดยทุกแห่งเป็นการตัดไม้พะยูงโดยใช้ช่องว่างทางกฎ หมาย นอกจากนี้ยังส่อเอื้อประ โยชน์ให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบางคน
ขณะที่นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กำลังดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันที่มีชาวบ้านผู้รักษ์และหวงแหนไม้พะยูง ส่งข้อมูลการลักลอบตัดและขออนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียน มาที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่ามีการแจ้งเหตุตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุแล้วจำนวน 12 แห่ง และมีบางอำเภอได้เรียกผู้ซื้อไม้มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งให้การที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และถูกกันตัวเป็นพยาน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 24 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากฝ่ายความมั่นคง และชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาตัดไม้พะยูงในโรงเรียน จ.กาฬสินธุ์ ว่าขณะนี้พบหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญเชื่อมโยงนายทุนจีนแล้ว นั่นคือพ่อค้าที่มาทำสัญญาซื้อขายกับ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 หลังจากที่ในเชิงลึก ทราบว่ามีการเปิดเผยข้อมูลกันแล้ว และเข้าใจว่าอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ของคณะกรรมการติดตามเชิงลึก ขณะที่ในส่วนขององค์กรอิสระ คือ ปปท.ขอนแก่น และ ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ก็คาดว่าจะได้ข้อมูลค่อนข้างมากเหมือนกัน หากแต่ยังไม่มีรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแม้แต่ทางวาจา โดยเฉพาะในประเด็นการเปิดเผยรายชื่อผู้ซื้อไม้พะยูงในโรงเรียน ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ในรอบ 1-2 ปี ที่ผ่านมา ที่กำลังไล่เช็ครายชื่อกันอยู่ว่าเป็นใครบ้าง
นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ และในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 นายณัฐ โก่งเกษร ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์กรณีการตัดไม้พะยูงในโรงเรียน พื้นที่จ.กาฬ สินธุ์ ตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมป่าไม้ ซึ่งได้เข้าพบปะกับนายธวัชชัย รอดงาม รองผวจ.กาฬสินธุ์ และเข้าพบปะกับตนด้วย
เนื่องจากกรณีตัดไม้พะยูงดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้เข้าไปเป็นกรรมการประเมินราคาขายไม้พะยูง ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ยืนยัน ยินดีให้การสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก ในการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎ หมาย โดยเฉพาะหากผู้กระทำผิดนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะต้องดำเนินการทางวินัย ทางอาญา และทางแพ่ง อย่างถึงที่สุด ตามนโนบายรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในส่วนการติดตามขบวนการมอดไม้ และพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อไม้พะยูง รวมทั้งไม้ประดู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น จากการติดตามไทม์ไลน์พบว่าน่าจะมีหลายกลุ่ม หลายสาย โดยมีนายทุนจีนเป็นหลัก ซึ่งมีใบสั่งเข้ามาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2562 เป็น ต้นมา โดยธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์เป็นคนให้อนุญาต ซึ่งตามที่ตรวจสอบและสังคมจับตามองในทิศทางเดียวกัน คือเป็นการใช้ช่องว่างทางกฎหมาย หลายปีก่อนเคยเกิดเหตุบ่อยครั้งมากในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ก่อนที่จะย้ายเข้ามาเกิดเหตุบ่อยครั้งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้ภาครัฐเสียประโยชน์จำนวนมหาศาล เพราะประเมินราคาขายต่ำ เชื่อว่าเงินส่วนต่างหายไปจำนวนมาก ขณะที่มีการส่งเงินเข้าหลวงเพียงจำนวนน้อยตามที่ทราบกันทั่วไป
ขณะที่นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรม ชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน กล่าวว่า ถึงวันนี้คณะกรรมการทั้ง 2 ชุดรู้เห็นหมด ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังกรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียนและที่ราชพัสดุ ว่าใครมีบทบาทหน้าที่อย่างไร ทั้งในขั้นตอนการขออนุญาตตัด และให้อนุญาตตัด รวมทั้งการติดต่อหาคนมาทำสัญญาซื้อไม้ด้วยวิธีพิเศษ ทั้งนี้ในส่วนข้อมูลที่ตนได้มานั้นมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะเดียวกันทราบว่า สังคมก็กำลังจับ ตามองการทำงานของทางราช การและองค์กรอิสระอยู่ เนื่องจากระยะเวลานับตั้งแต่ที่เกิดเหตุผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ถึงบทสรุปเสียที ทั้งที่มีหลักฐานแน่นหนา ไม่ซับซ้อนอะไร สามารถออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เลย แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าที่เป็นทางการ
นายนิยม กล่าวอีกว่า การรวบรวมพยานหลักฐานสำนวนตัดไม้พะยูงที่ดำเนินการมา มองเห็นภาพได้ชัดเจนแล้วว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเบื้องต้นมีคนของภาครัฐ ดำเนินการในส่วนของผู้ขออนุญาตตัด และผู้ให้อนุญาตตัด รวมทั้งเอกชนที่เป็นพ่อค้ามาทำสัญญาซื้อไม้พะยูง ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริงได้พบหลักฐานทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนความสมเหตุสมผล ราคากลางที่ประเมินซื้อขายไม้ ซึ่งแตกต่างกับราคามาตรฐานของกรมป่าไม้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ในส่วนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญคือพ่อค้าซื้อไม้ ที่ผ่านมายังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่จริงๆแล้วมีรายชื่ออยู่ในมืออย่างน้อย 3 ราย จากการตรวจสอบแต่ละรายอ้างว่าเป็นแค่นอมินี ที่มาเป็นตัวแทนทำสัญญา และเป็นพ่อค้าคนกลางเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงพ่อค้ารายใหญ่สายอีสานหรือนายทุนจีนที่อยู่เบื้องหลังได้
สำหรับหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตัดไม้พะยูงโรงเรียน รวมทั้งคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก ได้ตกผลึกเป็นข้อมูลเดียวกัน พบพ่อค้าซื้อไม้พะยูงโรงเรียนคำไฮวิทยา จำนวน 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ราคา 153,000 บาท ชื่อนายสมพงษ์ เนียมชมพู, พ่อค้าที่มาซื้อไม้พะยูงโรงเรียนหนองโนวิทยาคม จำนวน 9 ต้น ราคา 104,000 บาท ชื่อนายพัฒนพงษ์ ภูวงค์ผา และพ่อค้าที่มาซื้อไม้พะยูงโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ จำนวน 3 ต้น ราคา 30,000 บาท ชื่อนายสมคิด สีจันดา ซึ่งทั้ง 3 ราย คาดว่าทางองค์กรอิสระและฝ่ายกฎหมาย คงดำเนินการสอบปากคำไปบ้างแล้ว
ส่วนการขายไม้พะยูงที่โรงเรียนหมูม่นเม็กวิทยาสรรพ์ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นแห่งที่ 12 ที่พบการตัดไม้ในที่ราชพัสดุใน จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 9 ต้น ราคา 850,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจฯ และคณะทำงานเชิงลึกฯ ก็จะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกับทางโรงเรียนในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับสถิติจับกุมคดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ในรอบปี 2566 มากกว่าปี 2565 โดยพบว่าปีนี้มีถึง 36 คดี ผู้ต้องหา 21 คน แต่คดีเกี่ยวกับไม้พะยูง ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาหรือข้าราชการที่มีเอี่ยวได้แม้แต่คนเดียว.
Discussion about this post