
วันที่ 26 กันยายน 2566 ที่เทศบาลตำบล(ทต.) ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีมอบใบประกาศนียบัตร “ศูนย์สร้างสุขผู้สูงวัยเทศบาลตำบลช้างเผือก รุ่นที่ 5” มีนายคเชน เจียกขจร นายก ทต.ช้างเผือก พร้อมผู้บริหาร สมาชิกสภา ผู้นำชุมชน ผู้สูงวัย เข้าร่วมกว่า 200 คน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายนิรัตน์ กล่าวว่า เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัด มีผู้สูงอายุ เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เนื่องจากสภาพธรรมชาติและอากาศดีที่สุดในประเทศ ยกเว้นช่วงฤดูแล้ง ที่มีฝุ่น PM 2.5เกินค่ามาตรฐาน ทำให้คนไทยและต่างชาติ เลือกหรือมองหาบ้านหลังที่สองที่เชียงใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เกษียณอายุชาวต่างชาติ ย้ายมาอยู่จำนวนมาก จนตั้งเป็นหมู่บ้านชาวต่างชาติเพื่อบริการกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งมีค่าใช้จ่าย เฉลี่ยเดือนละ 150,000-200,000
บาท ถือว่าสูงพอสมควร ซึ่งเชียงใหม่พร้อมรับสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว
“ขอชื่นชม ทต.ช้างเผือก และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่ใส่ใจให้ความสำคัญผู้สูงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัยดังกล่าว ที่สำคัญต้องมีกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย มีคุณค่า เพื่อนำความเจริญสู่ท้องถิ่น และชุมชน ขอแสดงความยืนดี ให้กำลังใจ และอวยพรผู้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว มีสุขภาพแข็งแรง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรลูกหลาน และมีอายุถึง 100 ปีทุกคน” นายนิรัตน์ กล่าว
นายคเชน กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว เริ่มปี2561 ส่วนรุ่นที่ 5 มีผู้ร่วมกิจกรรม 175 คนโดยอบรมให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพและเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดภูมิปัญญาผู้สูงอายุในชุมชน เริ่มกิจกรรมวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 11 กันยายน 2566 ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) วิทยาเขตล้านนา สภ.ช้างเผือก รพ.สต.บ้านเจ็ดยอด ธนาคารเพื่อการ
เกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ที่มาอบรมให้ความรู้ เสริมทักษะด้านสุขภาพอาชีพ เทคโนโลยี และการป้องกันตนเอง
ขณะนี้ประเทศ กลายเป็นสังคมผู้สูงวัยแล้ว ปี 2562 มีสัดส่วนผู้สูงวัย ร้อยละ 17 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีผู้สูงวัยมากกว่าเด็ก คาดอีก 3 ปีข้างหน้า จะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ มีสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากร มีผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 70 ปี ขึ้นไปจำนวน 4.6 ล้านคน คาดว่าในปี 2583 มีผู้สูงอายุมากถึง 20.5 ล้านคน หรือร้อยละ 32 ของประชากรทั้งหมด
Discussion about this post