เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบ.ภ.จว.ระนอง แถลงข่าวการจับกุมผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกาะสินไหเสพและค้ายาเสพติดว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากผู้กระทำผิด อาศัยตำแหน่งความเป็นนักการเมืองในพื้นที่ของลูกสาว(สท)และลูกเขย(สจ)สร้างบารมีและความเกรงกลัวต่อชาวบ้านมายาวนาน จนมีโครง การชุมชนยั่งยืนชาวบ้านจึงกล้าลุกขึ้นสู้กับอิทธิ พลในพื้นที่ แจ้งเบาะแสสู่การจับกุม ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาเกือบ 10 ข้อ
พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบ.ภ.จว.ระนอง ได้กล่าวต่อว่าก่อนเข้าจับกุม ได้รับแจ้งข้อมูล และ เบาะแสจากชาวบ้านเกาะสินไห ม.4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ว่ามีผู้ลักลอบนำเอายาเสพติดเข้ามาเสพและจำหน่ายในพื้นที่ ภายหลังที่ได้มีการกวาดล้างและจัดโครงการชุมชนยั่งยืนผ่านไปได้ไม่นาน ตนจึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่สืบเสาะหาข้อมูล โดยเริ่มจากผู้เสพจนรู้แน่ชัดแล้วว่าผู้จำหน่ายอยู่ในพื้นที่ จึงได้เข้าตรวจค้นและจับกุม 2 สามีภรรยา คือนายประทีป กองจันทร์ อายุ 55 ปี และนางน้อย จิตภักดี อายุ 56 ปี ได้ที่บ้านพักบนเกาะสินไห พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง โดยยอมรับว่าเสพและจำหน่ายยาบ้าจริง

พล.ต.ต.เชิดพงษ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เกาะสินไห เป็นพื้นที่สีแดงของการแพร่ระบาดของยาเสพติด จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหลายหน่วยงานนำโครงการชุมชนยั่งยืนเข้า ไปดำเนินการบนเกาะสินไห ทำให้ผู้เสพและผู้ค้าเกือบทั้ง หมดยอมเข้าร่วมโครงการ ลด ละ และเลิก การเสพและจำหน่ายยาเสพติด จนกลายเป็นพื้นที่สีขาว และเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการดำเนินโครง การในการแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวบ้านในการเฝ้าระวัง และสร้างความไว้วางใจในการติดต่อและส่งข่าวสารต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งในช่วงระยะเวลากว่า 4 เดือนในการดำเนินโครงการนั้น นายประทีป และนางน้อย สองสามีภรรยาได้หายออกไปจากพื้นที่ เนื่อง จากไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสารเสพติด จนสิ้นสุดโครงการจึงได้กลับเข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง พร้อมกับเริ่มเสพและนำยาเสพติดมาจำหน่าย
โดยชาวบ้านระบุว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่เนื่องจากลูกสาวเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และมีลูกเขยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นระดับจังหวัดอีกคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในชุดการเมืองใหญ่ ระดับจังหวัดชาวบ้านจึงเกรงกลัวไม่กล้าแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อมีการดำเนินโครง การชุมชนยั่งยืนผ่านไปแล้ว ชาวบ้านมีความเข้มแข็งและสามัคคีกันมากขึ้น เมื่อสองสามีภรรยากลับเข้ามาในพื้นที่และยังคงมีพฤติกรรมเหมือนเดิม ชาวบ้านจึงไม่อยากให้เกาะสินไหกลับไปเป็นพื้นที่สีแดงอีกครั้ง จึงได้แจ้งเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการจับกุม ซึ่งจะต้องมีการขยายผลพร้อมประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยว ข้องในเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งนักการเมืองและผู้กระทำผิดเพื่อทำการยึดทรัพย์หากพบว่าทรัพย์ที่ได้มามีการเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด
พล.ต.ต.เชิดพงษ์ กล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างหนัก จำหน่ายยาเสพติดไปกี่คน ก็ให้ตั้งข้อหาไปตามจำนวนที่จำหน่าย รวมถึงให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินต่าง ๆ ว่าได้มีอย่างสุจริตหรือไม่ โดยให้นำเอากฎหมายฟอกเงินเข้ามาจับด้วย รวมถึงตั้งข้อสังเกตถึงบัตรประชาชนที่ได้มาของทั้งคู่อาจจะมีความผิดปกติ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบถึงการได้มาของบัตรประชาชนด้วย ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร และขอเน้นย้ำว่าจะไม่ยอมให้ยาเสพติดกลับเข้ามาในพื้นที่ชุมชนยั่งยืนได้อย่าเด็ดขาด ซึ่งหากประชาชนมีเบาะแสขอให้แจ้งมายังตนได้ตลอดเวลา โดยรับรองว่าข้อมูลที่แจ้งมาไม่มีการรั่วไหลและเปิดเผยถึงผู้ที่แจ้งอย่างแน่นอน.
ไพโรจน์ รัตนรัตน์ /ระนอง
Discussion about this post