จากเหตุการณ์ความรุนแรงในฉนวนกาซา มีแรงงานชาวไทยได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งได้รับบาดเจ็บ ถูกจับเป็นตัวประกัน หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต จากรายงานข่าวมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่าเดิม มีแรงงานหลายคนต้องการอพยพออกจากพื้นที่ แต่ก็ยังมีแรงงานอีกกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ไกลจากสงครามครั้งนี้ และยืนยันจะขอทำงานสู้ต่อไป แม้ว่าครอบครัวจะกังวลเรื่องความปลอดภัยก็ตาม
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่13 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านดงหวาย ต.กุดจับ อ.กุด จับ จ.อุดรธานี เพื่อไปพบกับครอบครัวของ 2 หนุ่ม แรงงานในประเทศอิสราเอล หลังจากได้รับทราบว่าหนุ่มผู้ใช้แรงงานทั้ง 2 คนยังประ สงค์จะอยู่ทำงานต่อ แม้จะเกิดภาวะสงคราม และมีแรง งานได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยให้ข้อ มูลว่าอยู่พื้นที่ไกลจากสงคราม ไม่กังวลว่าจะมีกลุ่มฮามาสจะเข้ามาก่อเหตุรุน แรง ขอตั้งใจทำ งานเพื่อหาเงินส่งกลับมาจุน เจือครอบครัวตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้
ครอบครัวแรกซึ่งเป็นครอบครัวของนายพงษธร ศรีสวัสดิ์ หรือต่อ อายุ 34 ปี ผู้ใช้แรงงานฟาร์มวัวและแกะ และได้พบกับ น.ส.สุนิสา วรรณภักดี หรือเมย์ อายุ 33 ปี ซึ่งได้เปิดเผยว่า สามีไปทำ งานได้ 1 ปี 9 เดือน สัญญา 5 ปี ได้เงินเดือนประมาณ 50,000 บาท ไม่มีหนี้สินอะไร ใช้เงินตัวเองเดินทางไป ตั้งใจว่าจะไปทำงานเก็บเอาไว้ให้ลูกสาวอายุ 6 ขวบ เพื่อใช้ในการศึกษา เป็นค่าเล่าเรียน ได้เห็นข่าวแล้วก็ตกใจ สลดใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น เราเองก็อยากให้สามีเดินทางกลับบ้าน เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ฟาร์มที่เขาทำงานเป็นฟาร์มนอกหมู่บ้าน อยู่ห่างจากฉนวนกาซาประมาณ 15-20 กม. มีคนไทยทำงานอยู่ด้วย 8 คน เป็นคนอุดร 7 คนขอนแก่น 1 คน
“เวลาเขาทำงานก็มักจะถ่ายวีดีโอเก็บไว้หรือโพสต์ลงเฟซบุ๊ค ก็จะเห็นมีการยิงจรวดข้ามไปข้ามมา หลังเกิดเหตุรุนแรงเมื่อเช้าวันที่ 7 ตุลา คม สามีบอกว่าได้ยินเสียงบ้าง เมื่อคืนนี้ได้ถ่ายคลิปขณะทหารอิสราเอลเคลื่อนรถถังผ่าน เขาบอกว่ารถถังเคลื่อนตัวไปเขตฉนวนกาซานานกว่า 1 ชม. เราพยายามบอกเขาให้กลับบ้าน แต่เขาก็บอกว่าไม่อันตราย เพราะอยู่นอกเขตสงคราม ยังไม่ได้ลงทะเบียนกลับไทย เขาบอกขอดูสถานการณ์ก่อน ถ้าเกิดเหตุรุนแรงจริงๆ ก็จะกลับมา”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปที่ครอบครัวที่ 2 ซึ่งเป็นครอบครัวของนายอนุชา คำผาย หรือพุ อายุ 35 ปี ที่ไปทำงานอยู่ที่ฟาร์มเห็ด ในประเทศอิสราเอล และได้พบกับกับนางประภาส คำผาย อายุ 54 ปี แม่ของนายอนุชาฯ ขณะนั้นเป็นจังหวะที่นายอนุชาฯ ได้วีดีโอคอลมาหาแม่พอดี ก่อนเล่าให้ฟังว่า ทำงานอยู่โซนภาคเหนือของอิสราเอล ห่างจากฉนวนกาซามาก แต่ก็ได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดบ้าง ที่นี่เหตุ การณ์ปกติ ที่ทำงานเป็นฟาร์มเห็ดขนาดใหญ่ มีแรงงานไทยอยู่ด้วยกันประมาณร้อยกว่าคน ทุกคนก็มองว่าปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และพร้อมอยู่ทำงานต่อไป
นางประภาสฯ เปิดเผยว่า ลูกชายไปทำงานที่ฟาร์มเห็ด ไปได้ประมาณ 2 ปี 7 เดือน ข่าวรุนแรงตอนแรกบอกว่ามีคนถูกจับชื่ออนุชา ชาวกุดจับ ตนตกใจมาก นึกว่าเป็นลูกชาย จึงรีบโทรหาทัน ที ลูกบอกว่าปลอดภัยดี เพราะทำงานอยู่ภาคเหนือ ส่วนเขตที่มีสงครามอยู่ทางภาคใต้ อยู่ห่างไกลกันมาก ที่นั่นไม่มีความรุนแรงอะไร ยังทำ งานได้ตามปกติ ลูกชายขอทำงานต่อไป ยังไม่อยากกลับ แม้ในใจแม่เองนั้นก็อดห่วงลูกชายไม่ได้ ห่วงว่าจะไม่ปลอด ภัย เหมือนที่เห็นในข่าวทุกวัน
“ตนเองมีลูกชาย 2 คน นายพุเป็นคนโต เขาแยกไปมีครอบครัวอยู่ที่ อ.โนนสะอาด จ.อุดร ธานี แต่ก็ยังส่งเงินมาให้แม่ทุกเดือน ประมาณ 7 – 8 พันบาท บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันบางส่วนก็เป็นเงินที่เขาส่งมาให้ ลูกไปทำงานที่อิสราเอลด้วยการกู้เงินไป 1.5 แสนบาท แม้จะใช้หนี้ส่วนนี้ไปหมดแล้ว แต่ครอบครัวยังมีหนี้สินอยู่ประมาณ 4 แสนบาท ลูกชายก็บอกขอสู้ต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างปลอดภัยดี”.
Discussion about this post