วันที่ 14 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ บ้านป่าข่อยเหนือ หมู่ 1 ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดบ้านพักให้ผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) กำนันผู้ใหญ่บ้าน รัฐวิสาหกิจสมาคม องค์กร และเครือข่ายประชาชน กว่า 50 องค์กร กว่า 500 คน เข้าแสดงความยินดี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง มีนายกิตติทัศน์ ผาทอง เลขาภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย พร้อมนายขจรศักดิ์ เมฆขจร นายกสมาคมพัฒนาชาวไร่ยาสูบบ่มเองเชียงใหม่ และตัวแทนสมาคมเพาะปลูก และค้าใบยาสูบ
เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง กว่า 40 คน เข้าร่วมแสดงความยินดี และยื่นหนังสือเรียกร้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ และชาวไร่ใบยาสูบดังกล่าว ทั้งนี้นายจุลพันธ์ ได้รับเรื่องดังกล่าว เพื่อนำเสนอรัฐบาลพิจารณา
ตามลำดับ
นายกิตติทัศน์ เผยว่า อยากเรียกร้องรัฐบาลพิจารณาขึ้นราคาใบยาสูบ เพราะไม่ได้ขึ้นราคามากว่า 10 ปีแล้ว และยังถูกกดราคา ทำให้ไม่สะท้อนต้นทุนแท้จริง และไม่อยากให้ขึ้นราคาบุหรี่อีก เนื่องจากบุหรี่ไทยแพงซอง
ละ 70 บาท ขณะที่บุหรี่เถื่อนซองละ 20 บาท ทำให้ราคาต่างกัน 50 บาท ส่งผลบุหรี่เถื่อน ทะลักและลักลอบเข้าประเทศมากขึ้น ในปี2560 มีบุหรี่เถื่อนเข้าประเทศเพียง 2 % ในปี 2566 เพิ่มเป็น 23 % เพิ่มขึ้น 21 % ดีงนั้นอยากให้รัฐบาลเข้มงวดการนำเข้า และปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจังมากขึ้น
ขณะที่ต้นทุนการผลิตใบยาสูบสูงขึ้น อาทิค่าแรง ปุ๋ย ยากำจัดแมลงและศัตรูพืช ซึ่งปี 2565 โรงงานยาสูบได้ช่วยเหลือเป็นค่าชดเชยแก่เกษตรกร กิโลกรัมละ 6.26 บาท รัฐบาล อุดหนุนเพิ่มอีก 6.26 บาท รวมเป็น 12.52 บาท/กิโลกรัม แต่ต้นทุนการผลิตใบนาสูบ เฉลี่ย 110 บาท/กิโลกรัม หากรวมเงินชดเชยและอุดหนุนอีก 12.52 บาท รวมเป็น 122.52 บาท/กิโลกรัม หากขายยาใบพันธุ์เวอร์จิเนีย ได้ 122 บาท/กิโลกรัมขึ้นไป เชื่อว่าเกษตรกรชาวไร่ยาสูบพอใจเพราะไม่ขาดทุน สามารถอยู่ได้
นอกจากนี้รัฐบาลควรจัดหาปัจจัยการผลิตราคาถูก อาทิ ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพิช แหล่งน้ำเพาะปลูก พร้อมให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ธนาคารออมสิน สนับสนุนสืนเชื่อดอกเบี้ยต่ำและตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ผลิต และชาวไร่ยาสูบโดยนำภาษีที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บจากบุหรี่ ปีละ 60,000-70,000 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนดังกล่าว ปีละ 1-2 % หรือปีละ 500-600 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ พร้อมให้โควต้าการผลิตเท่าเดิม พัฒนาคุณภาพ
เพิ่มยอดขายสูงขึ้น ไม่ต้องส่งออกก็ได้
ต่อมานายจุลพันธ์ ได้กล่าวกับผู้มาร่วมแสดงความยินดี ว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณที่มาร่วมงานดังกล่าว เพราะเชียงใหม่ ไม่มีรัฐมนตรีมานานแล้ว ก่อนหน้ารับตำแหน่ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โทรศัพท์มาทาบทามเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งผมได้ตอบรับทันที เพราะได้ทำงานใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี และได้ช่วย
ดูแลกระทรวงการคลัง ถือว่าได้รับเกียรติและความไว้วางใจดังกล่าว
“ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นายเศรษฐา และรัฐบาล ได้ผลักดันนโยบายพักชำระหนี้ 3ปี วีซาฟรี ลดค่าไฟ ประปา และเงินดิจิทัล 10,000 บาทแล้ว ดังนั้นรัฐบาลยืนยันเดิน
หน้านโยบายดังกล่าวทำให้สำเร็จ แม้มีผู้สนับสนุนและคัดค้านก็ตาม เพื่อฟื้นเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น อยากให้ประชาชนส่งเสียงสนับสนุน และให้กำลังใจรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม”นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ได้กลับเชียงใหม่เป็นวันแรก หลังเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวมากว่า 1 เดือน เพราะทำงานทุกวัน ซึ่งวันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ว่าขอ
ส่วนราชการ และเจ้าหน้าทำงานเหนื่อยขึ้น เพื่อลงพื้นที่พบปะรับฟังปัญหาและข้อเสนอประชาชน 25 อำเภอ ทุกวันเสาร์ เดือนละ 1 ครั้ง โดยเริ่มที่โซนเหนือก่อน เพื่อแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นอยากให้ชาวเชียงใหม่
ได้ใช้ผมให้คุ้ม อยากทำงานเต็มที่ พร้อมรับใช้ทุกคน และแก้ปัญหาให้มากที่สุด
Discussion about this post