
วันที่ 18 ต.ค.66 เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สภ.บางบัวทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นาย ชวลิต เกิดแดง หรือลุง รงค์ อายุ 63 ปี อาชีพรับเหมาเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ปัจจุบันอาศัยอยู่ห้องเช่าย่านบางใหญ่เพียงลำพัง เดินทางเข้าแจ้งความ กรณีถูก น.ส.รุ่ง อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ แอบถอนเงินประกันชีวิตจำนวน 98,760 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะเอาไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต ไปหมดบัญชี ซ้ำติดต่อลูกบอกจะแบ่งเงินให้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้
นาย ชวลิตหรือลุงรงค์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ทำประกันไว้ และครบกำหนดประกัน ทางประกันจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีของตนมาจำนวนแสนกว่าบาท ต่อมา เมื่อประมาณวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.รุ่งได้นำเอกสารซึ่งไม่รู้ว่าเอกสารอะไรมาให้ตนเซน จากนั้นเขาก็เข้าไปเบิกเงินที่ธนาคารออกไปจนหมด กว่าตนจะรู้เรื่อง ก็ตอนที่ตนเอาสมุดบัญชีไปเบิกเงินที่ธนาคาร เพราะทางธนาคารแจ้งว่าเงินในบัญชีไม่มีแล้ว จึงได้โทรหาลูกสาวทันทีและลูกสาวก็ยอมรับว่าเป็นคนเอาเงินทั้งหมดไป และได้นำเงินไปใช้หนี้แล้ว 30,000 บาท เหลือเพียง 90,000 กว่าบาท และตกลงจะเอาเงินที่เหลือมาแบ่งให้ จากการพูดคุยกับ น.ส.รุ่ง เขาตกลงจะแบ่งเงินให้ตน 30,000 บาท และให้ ลูกชายของ น.ส.รุ่ง 30,000 บาท และของ น.ส.รุ่งอีก 30,000 บาท แต่จนตอนนี้ตนก็ยังไม่เคยได้รับเงินเลยซักบาท พอโทรไปถาม น.ส.รุ่งก็อ้างว่า ตอนตนขายบ้านได้ยังไม่เคยแบ่งให้เลย แต่ก็มีบางครั้งที่ลูกสาวโอนเงินมาให้ตนบ้าง ครั้งละ 2,000 – 5,000 บาท เพราะไม่เหลือเงินติดตัวจนต้องโทรไปขอ ตอนนี้ก็อยากให้ลูกสาวช่วยเอาเงินมาคืนตน เพราะเงินก้อนนี้ตนคิดจะเก็บไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต เนื่องจากตนต้องอยู่คนเดียว ลูกสาวสองคนก็แยกย้ายไปมีครอบครัวแล้ว ส่วนภรรยาก็เลิกกันไปแล้ว ตอนนี้ตนอาศัยอยู่ห้องเช่าเพียงลำพัง แถมยังป่วยมีโรคประจำตัวอีก ก็อยากให้สงสารพ่อบ้าง หรือจะแบ่งเงินมาให้ตนซักครึ่งนึงก็ยังดี
ในวันนี้ตนได้เข้ามาติดตามความคืบหน้าที่โรงพักโดยหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามตัวลูกสาวให้นำเงินมาคืน เพราะตนไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้แล้ว เนื่องจากโทรศัพท์ของตนพังและกำลังซ่อมอยู่ วันนี้เหลือเงินติดตัวเพียงแค่ร้อยเดียว เอาไว้นั่งรถกลับห้องพักส่วนข้าวเย็นเงินเหลือเท่าไรก็กินแค่นั้น.
Discussion about this post