
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 19.20 น. พ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.ท่าวังผา จ.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ นครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ว่ามีเหตุ พ่อเลี้ยงวัย 62 กับลูกเลี้ยงวัย 33 ก่อทะเลาะวิวาทลูกเลี้ยงใช้อาวุธมีดแทงพ่อเลี้ยง 5 แผล ไส้ไหล แผลหนึ่งตัดขั้วหัวใจจนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลท่าวังผาหลังญาติๆ นำส่งรักษาแต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว ที่บ้านพร้าว 163 ม.8 ต.ยม จ.น่านจึงรายงานให้ พ.ต.อ.อัศวธรณ์ วงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.ท่าวังผา จ.น่าน , พ.ต.ต.ภวัต จักรน้อย สว.สส.ฯ ,ร.ต.อ.ประเสริฐ ค่ายอาจ รอง สว.สส.ฯ พร้อมด้วย จนท.ตร.ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือดอยู่บริเวณริมรั้วและมีดทำครัว ยาวประมาณ 13 นิ้วรวมด้าม จำนวน 1 เล่ม ที่ใช้ก่อเหตุ และพบนายอมรเทพ (นามสมมุติ) ลูกเลี้ยง วัย 33 ปี ผู้ก่อเหตุ ยืนรอมอบตัวอยู่ จึงทำการควบคุมตัวนำมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรท่าวังผา
จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. ทางโรงพยาบาลท่าวังผาได้แจ้งให้ พ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.ท่าวังผา จ.น่านว่าผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากถูกแทงเข้าจุดสำคัญ 5 แผล โดยถูกแทงเข้าขั้วหัวใจ ปอด ลิ้นปี่ ท้องอีก 2 แผล ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายไปล่ (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวโดยนายไปล่ นามสมมุติ อายุ 62 ปี ได้ไปพบรักกับนางคำแปลง (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นแม่หม้ายเลิกลากันกับสามีเก่านานแล้ว ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและตกลงมาอยู่ด้วยกันเมื่อ 3-4 เดือนก่อนเกิดเหตุ โดยนางคำแปลง (นามสมมุติ) มีลูกติดอยู่หนึ่งคนกับสามีก่อนคือ นายอมรเทพ (นามสมมุติ) วัย 33 ปี โดยก่อนหน้านี้นายอมรเทพ (นามสมมุติ)ได้อาศัยอยู่กับพ่อที่จังหวัดตรัง ก่อนไปทำงานอยู่กรุงเทพ ไปๆ มาๆ ก่อนย้ายมาอยู่กับแม่ได้ประมาณ 10 เดือน
โดยนางกุ้ง ป้าของนายอมรเทพ (นามสมมุติ) เล่าให้ฟังว่า นายอมรเทพ (นามสมมุติ) เมื่อก่อนอยู่กับพ่อแล้วเมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารจับได้ใบแดง จึงเข้ารับราชการทหารกองประจำการและได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังปลดประจำการก็กลับมาอยู่กับแม่ แต่เกิดอาการหูแว่ว นักพูดจาคนเดียวหัวเราะคนเดียว ทางแม่ก็นำตัวเข้ารับการรักษาทั้งที่โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ทางแพทย์ก็ได้ให้ยามาทานแต่ไม่รับรักษาไว้เนื่องจากอาการไม่หนัก แต่นายอมรเทพ (นามสมมุติ) ไม่ยอมทานยา หากปกติก็นักพูดคนเดียวแต่ไม่เคยก่อเหตุรุนแรง วันเกิดเหตุตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนค่ำยังคุยโทรศัพท์กับผู้ตายอยู่เลยเรื่องจะไปช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวที่นาของผู้ตาย ยังถามผู้ตายว่าทำอะไรกินผู้ตายยังบอกตนว่าแกงหน่อไม้เปล่าๆไม่ใส่อะไร สักพักก็มีคนโทรมา บอกว่า หลานก่อเหตุทะเลาะกันกับพ่อเลี้ยง ใช้มีดแทงพ่อเลี้ยงตาย จึงมาดู เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากยังทำใจไม่ได้
ด้าน นายอมรเทพ (นามสมมุติ) วัย 33 ปี ผู้ก่อเหตุเล่าว่า ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมกลับมาจากไปรับจ้างแบกข้าวในนาทั้งเหนื่อย และก็เมาเนื่องจากหลังเสร็จงานทางนายจ้างได้เลี้ยงเหล้ากำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ก็ได้ยินพ่อคุยกับแม่แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรจากนั้นแม่ก็ลุกขึ้นแล้วทางพ่อเลี้ยงก็พลักแม่ และได้ยินพ่อบอกว่าเขามีปืน พอได้ยินยินอย่างนั้นจึงบอกให้แม่รีบหลบไปเขาอาจจะยิงจริงๆ จากนั้นเห็นพ่อวิ่งเข้าไปในห้อง ตนจึงวิ่งเข้าไปคว้ามีดในครัว พอพ่อออกจากห้องมาเห็นพ่อถือปืนและลูกมา ตนจึงถือมีดวิ่งไล่ลงบ้านไป จนไปถึงบริเวณข้างกำแพงตนจึงจ้วงแทงไป 4-5 ครั้ง จนมีดหลุดมือ แต่ไม่รู้ว่าโดนตรงไหนบ้าง จากนั้นตนจึงเดินไปอาบน้ำแต่งตัวและลงมายืนรอมอบตัว จนเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมตัวมาสถานีตำรวจภูธรท่าวังผาดังกล่าว
โดยพ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.
ท่าวังผา เมื่อสอบถามว่าทะเลาะกับพ่อเรื่องอะไร นายอมรเทพ เล่าว่า ครั้งนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ผมปกป้องแม่กลัวเขาทำอันตรายกับแม่เพราะเขาบอกว่าเขามีปืนและไปเอาปืนมา ผมจึงป้องกันตัวผมและแม่ ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกันหนึ่งครั้งเรื่องพัดลม คือ วันนั้นนายจ้างผมบอกว่าหยุดงานผมจึงเปิดพัดลมนอนเล่นอยู่ในห้องที่บ้านเพื่อพักผ่อนแต่อยู่ดีๆ พ่อก็มาเอาคัทเอาท์ลง ทำให้ร้อน จึงทะเลาะมีปากเสียงกัน จากนั้นก็ไม่พูดคุยกันมาจนมามีเหตุในวันนี้
เบื้องต้น พ.ต.ท.ธนกฤต พลศิลา พงส.สภ.ท่าวังผา ได้ทำการตรวจปัสสาวะ ไม่พบสารเสพติด แต่นายอมรเทพได้ยอมรับว่าได้ดื่มเหล้ามาจากกลางทุ่งนา จนมีอาการเมา จึงแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา จึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
Discussion about this post