วันที่ 24 ต.ค.66 ที่ท่าอากาศยานนครพนม 2 แรงงานไทยกลับจากอิสราเอล ด้วยความอบอุ่น ปลอดภัย พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง แรงงานจังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นครพนม จัดหางาน จ.นครพนม ร่วมให้การต้อนรับ ด้วยความยินดี ดีใจ ให้ความอบ อุ่นกับแรงงานไทย รายแรกคือ นายไพบูลย์ เผ่าเพ็ง อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นบิดาของนายปรีชา เผ่าเพ็ง อยู่ ม.11 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม พร้อมญาติพี่น้องมารอรับนายปรีชาฯ อายุ 41 ปี ไปทำงานที่อิสราเอล โซนเหนือ ด้านการเกษตร ปลูกอินทผาลัม ไปทำงานอีก 3-4 เดือนจะครบ 5 ปี จะหมดสัญญา ไปทำงานครั้งแรกอยู่โซนใต้ 1 ปี แล้วย้ายมาอยู่โซนเหนือ 3 ปีเศษ ไปทำงานส่งเงินกลับบ้านเดือนละประมาณ 60,000 บาท พอเกิดการสู้รบ จึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่กงสุล แจ้งว่าอยากกลับบ้าน เพราะกลัวตาย จึงได้เดินทาง ออกจากประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ลงเครื่องบินที่ภูเก็ต ต่อเครื่องภูเก็ตลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และในวันนี้นั่งเครื่องจากท่าอากาศยานดอนเมือง มาลงที่ท่าอากาศยานนครพนม
ตอนอยู่ที่อิสราเอล ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อน ๆ ตั้ง ใจกลับมาบ้าน คิดว่าจะไม่ไปอีกแล้ว ทางนาย จ้างจ่ายเงินเดือนให้ครบ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ให้ความกรุณาช่วยเหลือให้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

นายไพบูลย์ฯ ซึ่งเป็นบิดาของนายปรีชาฯ กล่าวว่า ดีใจที่ลูกชายได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนหน้านี้ใจคอไม่ดี นอนไม่หลับ กลัวลูกจะได้รับอันตราย เมื่อลูกกลับมาก็ดีใจ จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คิดว่าคงไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว
อีก 1 ราย คือ นางมิตรา อินทะสา อายุ 40 ปี อาชีพ ทำนา ปลูกสับปะรดขาย อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.2 บ้านดอนยาง ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม มารอรับนายสุพล สุรโส อายุ 45 ปี ผู้เป็นสามี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น และญาติพี่น้องมาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและยินดี นายสุพลฯ ไปทำงานด้านการเกษตร ที่ประเทศอิสราเอล เป็นเวลา 7 ปี ได้เงินเดือนประมาณ เดือนละ 30,000 [ท ส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว เดือนละ 1-2 หมื่นบาท ขณะกำลังทำงานอยูที่แคมป์เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ได้เกิดการสู้รบขึ้น ตนถูกสะเก็ดระเบิดที่ไหล่ขวา แต่บาดแผลไม่ลึกมาก จึงได้พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่กงสุลฯ ขอเดินทางกลับประเทศไทย ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น ของคืนวันที่ 23 ต.ค. แล้วเครื่องมาที่นครพนม นายสุพล กล่าวว่า ตนมีลูกสาว 2 คน อายุ 11 ปี เรียนชั้น ป.6 อีกคน 7 ปี เรียน ป.1 โรงเรียนบ้านขามเตี้ยน้อย ตนมีความรู้สึกดีใจ ที่ได้กลับมาพบกับครอบครัว อยากให้ทางการให้ความช่วยเหลือ ดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล และช่วยหางานทำให้ด้วย ตอนที่ถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับษาตัวที่แคมป์คนงาน 1 วัน แล้วติดต่อเพื่อนให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อจะกลับบ้าน และได้กลับดังที่หวัง ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ
นายสุพลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีใจที่ได้กลับมา ใครที่ยังไม่มาก็ยังมีเวลาถึงสิ้นเดือนนี้ เอาความปลอดภัยของตัวเองไว้ก่อน ดีที่สุดช่วงนี้รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้กลับมา อย่าห่วงเงินมาก ห่วงชีวิตตัวเองดีกว่า เหตุการณ์วันที่ 7 อยู่ทางภาคเหนือ อยู่ติดกับเลบานอน ระยะทางไปชายแดนประมาณ 200 เมตร จากที่เค้าสู้รบกัน เค้ายิงปืนครก น่าจะโดนอาร์ดีจียิง ระเบิดลงกลางหลังคาที่อยู่ อยู่ในแคมป์ประมาณ 20 คน ที่ลงตรงทำ งาน แรงงาน 17-18 คน กำลังยกไข่
ผมมีหน้าที่เช็คไข่ เป็นฟาร์มไข่ วันหนึ่งประมาณ 300,000 ฟอง เจ้านายบังคับให้เข้าไปเก็บไข่ ตอนนั้นยิงกันทั้งวัน จำไม่ได้ว่าเยอะขนาดไหน ยิงใส่เสาสัญญาณ ประมาณ บ่ายโมงสี่สิบห้า ยิงไปทั่ว ซ้ายขวาแต่ไม่โดน ระเบิดห่างจากตัวเองอยู่บนหลังคา สะเก็ดระเบิดโดนที่บ่า โทร.หาเจ้า ของฟาร์ม ต้องการรถพยาบาล กว่าทหารจะเข้ามา วิ่งเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ หลังจากโดนระเบิดแจ้งแรงงานประสานงานสถานทูต มองระยะทาง 100 ไม่มีรถเลย วิ่งกลับมาเอารถของตัวเอง ระเบิดลงวันที่ 21 ต.ค. ถ้าจำไม่ผิด ทางภาคใต้อิสราเอลโดนบอมอย่างเดียว ยิงทิ้งประมาณ 4-5 ศพ ทุกวัน ภาพเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตเยอะ ที่โดนจับไปไม่ทราบจำนวนเท่าไหร่ ภาคเหนือที่ทราบมา เคสแรกเป็นตนเอง คนไทยโดนจับไป 2 คน แค่รั้วกั้น จากนี้คงต้องรอดูก่อนว่าจะไปอิสราเอลหรือไม่.
Discussion about this post