วันที่ 26 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเพจ “บ่าวศักดิ์ คนทำมาหากิน” ได้โพสต์คลิปและข้อ ความ เตือนภัยโจรขับรถยนต์เก๋ง พยายามขโมยนกเขา ว่า “เตือนภัยคับพี่น้อง กลางวันแสกๆเข้ามาขโมยของ เบื้องต้นกำลังยกนกเขาขึ้นรถ เจ้าของมาเจอ ขับรถจะชนหนี ชักปืนขู่ผู้หญิงและเด็ก ใครพบเห็นเบาะแส แจ้ง ส.ภ กุมภวาปี ตอนนี้ส่งคลิปให้พนักงานสืบสวนแล้ว กำลังติดตามตัว
ในคลิปภาพ มีคนร้ายเป็นชายอายุ 25-30 ปี ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีดำ แต่งซิ่ง ทะเบียน กข 3833 อุดรธานี มาจอดอยู่บริเวณหน้าเถียงนา และกำลังขนกรงนกเขาใหญ่จำนวน 2 กรง ขึ้นรถเก๋ง และเป็นจังหวะที่ลูกสาวลูกเขย และหลานสาววัย 9 ขวบ เจ้าของนกเขาใหญ่ ขับรถสามล้อเครื่องสกายแล็ปจากบ้าน มาให้อาหารหมู ปลา และกุ้งก้ามกราม และสุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้านา และมาเจอพอดี ลูกสาวเจ้าของนกเขาใหญ่ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกคลิปภาพ และสอบถามคนร้ายว่ามาทำอะไรในที่นาของพ่อตน แต่คนร้ายไม่ยอมตอบ แล้วรีบขับรถยนต์เก๋งถอยจะชนรถสามล้อเครื่อง แต่ลูกเขยเจ้าของนกเขา เข็นหลบทัน ก่อนที่คนร้ายจะรีบกลับรถหลบหนีไปประตูทางเข้าที่นา และจอดเปิดประตูรถลงมาเหมือนกับจะหยิบอาวุธปืน อยู่ในกระเป๋าสะพาย เหมือนกับจะขู่ แต่ลูกสาวเจ้าของนกเขาและที่นา บอกว่าไม่มีอะไรให้ออกไปจากที่นาของตน คนร้ายจึงขับรถเก๋งออกไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ช่วงบ่ายวันเดียวกันผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน และส่งคลิปเหตุการณ์ให้ตำรวจชุดสืบสวน และส่งให้เพจบ่าวศักดิ์ คนทำมาหากิน โพสต์เตือนภัยและแจ้งเบาะแสคนร้าย เนื่องจากไม่คุ้ยเคยหน้า คาดว่าเป็นคนต่างถิ่น
ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 ตุลาคม ที่บ้านเลขที่ 112 ม.2 บ้านดงเรือง ต.ผาสุก อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายพินิจ สุจริต อายุ 57 ปี ผญบ.ม.2 บ้านดงเรือง และนายวิมาน เกสรบัว หรือพ่อดึ่ง นกเขาขัน อายุ 67 ปี เจ้าของที่นาและนกเขาใหญ่ ได้นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นที่นาข้างป่าช้าบ้านเซียบ ม.9 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี ที่อยู่ห่างจากบ้านดงเรืองประมาณ 1.5 กิโลเมตร พบเป็นเถียงนายกพื้นสูง มีกรงนกเขาใหญ่ที่เลี้ยงไว้อยู่ประมาณ 10 ตัว อยู่ในที่นาสวนผสมรวม 60 ไร่ และเลี้ยงไว้ที่บ้านอีก 7 ตัว
นายวิมานฯ เปิดเผยว่า เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะลูกเขย ลูกสาว และหลานสาววัย 9 ขวบ ขับรถสามล้อเครื่องมาให้อาหารปลา หมู สุนัข และกุ้งก้ามกราม ที่เลี้ยงไว้ในเนื้อที่ 60 ไร่ และมาพบคนร้ายเป็นชายกำลังขนกรงนกเขาใหญ่ จำนวน 2 กรงขึ้นรถเก๋งสีดำ ลูกสาวจึงยกมือถือถ่ายคลิปพร้อมกับถามคนร้ายตามในคลิปภาพที่โพสต์ และเหมือนกับคนร้ายจะล้วงเอาอาวุธปืนในกระเป๋าสะพาย หลังจากขับรถออกไปจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วทางเข้าที่นา ก่อนขับรถหลบหนีไป และมาบอกให้ตนทราบ จากนั้นลูกสาวได้เดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.กุมภวาปี ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
“ตั้งแต่ต้นปี 2566 ถูกคนร้ายขโมยนกเขาใหญ่บนเถียงนาไปแล้ว 3 ครั้ง รวม 16 ตัว ครั้งแรกขโมยไปพร้อมกรง 10 ตัว ครั้งที่ 2 ตัว และครั้งที่ 3 จำนวน 4 ตัว ซึ่งระยะการก่อเหตุของคนร้ายห่างกันประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งทั้งหมดเป็นนกเขาใหญ่ที่ตนไปต่อมาจากป่าทั้งสิ้น เพื่อนำมาเลี้ยงและขายให้กับคนที่ชื่นชอบ ตั้งแต่ราคา 300-10,000 บาท แล้วแต่ลักษณะดีเด่นของนก และความสวยงาม รวมทั้งเสียงขันที่ไพเราะ ซึ่งนกเขาที่คนร้ายขโมยไปทั้ง 3 ครั้ง ยังเป็นนกกำลังหัดขันราคาจะอยู่ที่ 500 บาท แต่นกเขาที่เลี้ยงอยู่บ้านราคาจะอยู่ที่ 1,000-2,000 บาท เนื่องจากส่งเสียงขันเป็นแล้ว หรือนกคัดเกรดไว้แล้ว กระทั่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่คนร้ายยังไม่ได้นกไป และคาดว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกัน หรือกลุ่มเดียวกันที่มาขโมยนกเขาไปทั้ง 3 ครั้ง ที่ผ่านมา”
นายวิมานฯ กล่าวต่อไปอีกว่า อยากฝากถึงคนร้าย หากชื่นชอบนกเขาใหญ่ของตน ก็ให้เข้ามาพูดคุยกัน หากพูดถูกคอกันก็จะให้ไปเลี้ยงฟรีๆ อย่ามาหาทำตัวเป็นหัวขโมยแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมาย และอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมมาให้ได้โดยเร็ว เพราะอยากถามคนร้ายว่า ทำอย่างนี้เพื่ออะไร ขโมยนกไปเลี้ยง หรือว่านำไปขายต่อ และที่สำคัญลูกสาและลูกเขย รวมทั้งตน รู้สึกหวาดกลัวเกรงว่าจะได้รับอันตราย หากยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ แม้ว่าคนร้ายจะขโมยนกไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปภาพที่ลูกสาวบันทึกไว้ในวันเกิดเหตุ อย่างชัดเจน
“ตนเป็นคนชื่นชอบนกเขาใหญ่มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ซึ่งนกเขาใหญ่ทั้งหมดที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ตนเป็นคนไปต่อจากป่ามาเลี้ยงและขาย และทำมารวม 57 ปีแล้ว จนได้ฉายา “พ่อดึ่งนกเขาขัน” จากชาวบ้านและเซียนนกเขาใหญ่ในพื้นที่ เพราะเป็นคนส่งเสียงร้องเรียนแบบนกเขาได้เหมือนมาก จนแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนเสียงนกจริงอันไหนเสียงนกปลอม จากการนำมือทั้งสองข้างขึ้นมาประกบริมฝีปาก และเป่าให้เป็นเสียงนกเขาใหญ่ แถมแยกเป็นเสียงนกเขาใหญ่ตัวเมีย และตัวผู้ เพื่อต่อนก หรือหลอกนกเขาให้บินเข้ามาหาคู่ในกรงดักนก ที่นำไปแขวนไว้ตามต้นไม้ในป่า”
“พ่อดึ่งนกเขาขัน” กล่าวต่อไปอีกว่า ตนเองเรียนรู้มาจากคนเฒ่าคนแก่ที่มีบ้านอยู่ติดกัน ที่เลี้ยงนกเขาไว้ข้างบ้าน ตื่นเช้ามาตนก็จะได้ยินเสียงนกเขาใหญ่ ขันทุกวัน จึงให้ความสนใจและชื่นชอบเป็นส่วนตัวตั้งแต่นั้นมา และเริ่มเรียนรู้ทำเสียงนกเขาใหญ่ นำไปหลอกต่อนกเขาตามป่าจนถึงปัจจุบัน และทำเป็นงานอดิเรก เวลาว่างเท่านั้น จนมีคนที่ชื่นชอบในการเลี้ยงนก มาติดต่อขอซื้อที่บ้านเป็นประจำ คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพ หรือพวกชื่นชอบนก แต่ไม่ยอมลงทุนซื้อ หรือไม่กล้าเข้ามาขอตนไปเลี้ยง จึงมาก่อเหตุดังกล่าว
ด้านนายพินิจ สุจริต ผญบ.กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องที่มีคนร้ายพยายามขโมยนกเขาใหญ่ของ พ่อดิ่งนกเขาขัน ตนก็ได้เข้ามาตรวจสอบ และแจ้งชาวบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแล และเป็นหูเป็นตา หากพบสิ่งผิดปกติ หรือมีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน หรือตามท้องไร่ท้องนา ให้รีบแจ้งตนและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุลักขโมย หรือเหตุอาชญากรรมต่างๆในหมู่บ้านเรา.
Discussion about this post