
วันที่ 28 ต.ค.2566 เวลา 09.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นาง สมพร(นามสมมุติ) อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการศาลยุติธรรม ว่า
น.ส.นิราวรรณ (ชื่อเล่น ฝาง) ศรีคร้าม อดีตลูกจ้างของตน ร่วมกับนาย นาย กษิเดช (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งเป็นเพื่อนกับตนโดยรู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ค แอบเอาบัตรATM ไปกดเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย ที่เป็นเงินเกษียณอายุราชการของตนตั้งแต่ปี 2561 จำนวน 1,200,000 บาท ออกไปจนหมดและยังใช้มือถือเข้าแอฟฯของธนาคารไทยพาณิชย์แอบเปลี่ยนรหัสและโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ฝาง จำนวน 35,000 บาท จนเกลี้ยงทั้งสองบัญชี โดยนำเงินไปใช้กับ น.ส.ปาลิฉัตร อินทรีย์ สาวทอมซึ่งเป็นแฟนกับ น.ส.ฝาง และยังหลอกนำรถยนต์ของตนยี่ห้อนิสัน ซันนี่ไปขายให้คนอื่น ซ้ำเวลาตนไม่อยู่บ้านยังเข้ามางัดห้องเพื่อเข้ามาอาศัยและแอบสับเบรกเกอร์ไฟฟ้า เพื่อใช้ไฟในห้องเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน ไล่ยังไงก็ไม่ออกต้องไปแจ้งความถึงจะยอมออก หลังจากนั้นยังแอบเข้ามาที่หอพักเวลาที่ตนไม่อยู่ขโมยพระเครื่อง รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเก่าซึ่งเป็นรถคลาสสิก 1คัน เครื่องซักผ้า1เครื่อง แถมยังถอดแอร์ที่อยู่ในห้องพักและห้องของตนไปขายอีกรวม3ตัว โซฟารับแขกตัวใหญ่ 1 ชุด ก็ขโมยไปขาย ขนาดปล่องดูดควันในห้องครัวก็ยังถอดออกไป โชคร้ายเข้าแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ตั้งแต่ปี 2561 คดีไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ตนไปแจ้งความหลายครั้งทั้งเรื่องยักยอกเงิน เรื่องขโมยของ มีใบแจ้งความเกือบ10 ใบ ไปติดตามความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกกำลังดำเนินการ ทุกวันนี้เดือดร้อนหนักมาก ความเป็นอยู่ลำบากไม่มีเงิน ต้องไปรับจ้างเป็นแม่บ้าน ต้องไปกู้เงินมาจ่ายค่าห้องและน้ำค่าไฟ ซ้ำความหวังว่าจะเอาเงินเกษียณตรงนี้มาใช้หนี้สหกรณ์ศาลยุติธรรมที่ตนไปกู้มาอีก 200,000 กว่าบาท ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว แถมทุกวันนี้ตนก็ต้องเป็นหนี้นอกระบบอีก
นาง สมพร(นามสมมุติ) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2561 ซึ่งตอนนั้นตนเกษียณอายุราชการและได้เงินมาจำนวน 1,200,000 บาท ก่อนหน้านั้น น.ส.นิราวรรณ หรือฝาง เป็นลูกจ้างของตน เวลามีงานหรือตนจะไปไหนก็จะให้ฝางไปรับ-ส่ง รู้จักกันมาปีกว่าๆ ก็ดูไม่มีอะไร วันที่เกิดเรื่องคือช่วงต้นเดือนตุลาคมคม 2561 ตนได้เก็บบัตรATM ของธนาคารกรุงไทยไว้ในรถยนต์โดยไม่รู้ว่า น.ส.ฝาง ขโมยบัตรของตนไปตั้งแต่เมื่อไร และได้นำไปแอบกดเงินออกจากธนาคารทุกวัน วันละ1-2แสน กดจนเงินที่มีอยู่ในบัญชีจำนวน 1,200,000 บาท หมดเกลี้ยง ซึ่งบัตรATMใบนี้ น.ส.ฝางรู้รหัสอยู่แล้ว เนื่องจากตนเคยเอาบัตรให้ น.ส.ฝางไปกดเงินมาให้ก่อนหน้านี้ จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ดอนเมือง ต่อมาในช่วงเดือน เม.ย.62 ตนได้ตรวจสอบบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์พบว่าเงินหายไปหมด ซึ่ง น.ส.ฝางได้โหลดแอฟฯธนาคารไทยพาณิชย์เข้าโทรศัพท์ของตัวเองและทำการโอนเงินบัญชีของตนเข้าไปยังบัญชีของ น.ส.ฝาง หลายครั้ง จำนวน 32,511 บาท โดยโอนครั้งละ1,000ไปจนถึง4-5พัน ซึ่งบัญชีนี้จะมีเงินค่าเช่าหอพักซึ่งเป็นหอของน้องสาวตนรวมอยู่ด้วยกัน จะมีเงินเข้าเงินออกตลอดเวลาทำไมตนไม่เอะใจ จนกระทั่งเงินหมดบัญชี ตอนนั้นไม่รู้ว่าใครเอาไปจึงไปขอดูสเตทเม้นของธนาคารพบว่ามีการโอนเงินไปเข้าบัญชีของ น.ส.นิราวรรณหรือฝางก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเราอีก จึงได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ดอนเมืองรอบที่ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าจะดำเนินการให้
ในเวลาต่อมา น.ส.ฝางได้ติดต่อมาหาตนและบอกว่ามีปัญหากับที่บ้านไม่มีที่อยู่จึงมาขอความช่วยเหลือ ตนจึงให้น.ส.ฝางเข้ามาพักอยู่ที่หอพักซึ่งเป็นหอพักของน้องสาวตน โดยมาอาศัยอยู่เกือบ1ปี จ่ายค่าเช่าบ้างไม่จ่ายบ้างตนก็ไม่คิดอะไรเพราะเห็นว่าเคยเป็นลูกน้องเก่า แต่น.ส.ฝางก็ยังก่อเรื่องอีก เมื่อช่วงเดือน ม.ค.66 หลอกตนว่ารู้จักเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและไม่ต้องจ่ายค่าไฟเต็มจำนวนตนจึงโอนเงินจำนวน 10,200 บาท ให้กับ น.ส.นิราภรณ์(น้องสาว น.ส.ฝาง) เพื่อนำเงินไปให้กับ น.ส.ฝาง เพื่อจ่ายค่าไฟ แต่ก็ไม่มีใบเสร็จกลับมา มารู้ทีหลังว่า น.ส.ฝางได้นำเงินไปใช้หมดแล้ว หลังจากนั้น ช่วงเดือน ตุลาคม 65 น.ส.นิราภรณ์ ก็ได้มาคุยกับตนว่ามีคนเอารถยนต์ของตนไปจำนำไว้กับนายสิริมล(ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งรถยนต์ของตนถูกขโมยไปตั้งแต่ปี 62 โดย น.ส.ฝาง และนาย กษิเดช ได้แจ้งความไว้แล้วแต่คดีไม่คืบหน้า
น.ส.นิราภรณ์ บอกกับตนว่าทราบจากคนที่รับจำนำรถว่ามีตำรวจ ปอท.ไม่ทราบยศชื่อกฤษณะ เอารถของตนไปจำนำ ตนจึงได้นำเงินให้ น.ส.นิราภรณ์ไปไถ่ถอนรถยนต์คันดังกล่าวรวมเป็นเงิน 23,500 บาท หลังจาก น.ส.นิราภรณ์ ก็อ้างว่าโอนเงินให้ผู้รับจำนำรถแล้วปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งในวันที่ 12 ต.ค.2565 เวลา 11.00 น.น.ส.นิราภรณ์ฯ อ้างว่า น.ส.ฝางเป็นผู้โอนเงินให้กับนายสิริมล ตนจึงได้สอบถาม
น.ส.ฝาง อ้างว่าจำเลขบัญชีนายสิริมลผู้รับจำนำรถไม่ได้ ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่า น.ส.ฝางเอาเงินไปใช้แล้ว
นางสมพร เล่าต่ออีกว่า ต่อมาตนได้ให้ น.ส.ฝางออกจากห้องพักไป เพราะทำกับตนได้เจ็บมาก แต่หลังจากที่ น.ส.ฝางย้ายออกไปแล้ว ก็ยังแอบเข้ามางัดประตูห้องที่หอพักเพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ในช่วงที่ตนไม่อยู่ และแอบงัดตู้เบรกเกอร์ไฟเพื่อใช้ไฟในห้อง ทั้งเปิดแอร์ ทั้งโทรทัศน์ เนื่องจากตนต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินจะกลับมาแค่เดือนละ2วันเท่านั้น พอไล่ก็ไม่ยอมออก จนต้องไปแจ้งความถึงจะยอมเก็บของออกไป แต่ น.ส.ฝางก็ยังแอบเข้ามาที่หอพักในตอนที่ตนไม่อยู่ เข้ามาขโมยเครื่องซักผ้าที่อยู่หน้าหอไป ถอดแอร์ที่อยู่ในห้องพัก ห้องนอนตน และห้องนอนน้องออกไปขาย ขโมยพระเครื่อง ยกโซฟาชุดใหญ่ที่เอาไว้รับแขก รถจยย.ฮอนด้ารุ่นเก่าๆที่คนเก็บสะสมชอบก็เอาไป ขนาดปล่องดูดควันในห้องครัวก็ยังมาถอดเอาไป ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของตนลำบากมาก ต้องไปกู้เงินนอกระบบมา ต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านหาเงิน ค่าน้ำค่าไฟก็ติดเขาไว้ โชคดีที่น้องสาวตนคอยช่วยเหลือ เงินเกษียณที่จะใช้หนี้สหกรณ์ ที่ควรจะปลดหนี้ได้ก็ถูก น.ส.ฝางเอาไปแล้ว ในส่วนของคดีตนแจ้งความไปตั้งหลายปีแล้ว ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ไปติดตามความคืบหน้าที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ก็บอกจะรีบจัดการให้ ล่าสุดไปมาเมื่อเดือน พฤษภาคม ก็บอกว่าจะออกหมายเรียกในเดือนตุลาคม ตอนนี้จะหมดเดือนแล้วก็ยังไม่เรียกใครมาเลยซักคน ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก ไปแจ้งความหลายรอบหลายคดี เวลาผ่านไป5ปี ออกหมายเรียกแค่ใบเดียว.
Discussion about this post