เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ต.ค.66 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว.นนท บุรี พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก.สส. ภ.จว. นนทบุรี นำโดย พ.ต.ท.นวชล ชมเชย สว.กก. สส.ภ.จ.นนทบุรี พร้อมกำลัง ชป.3 ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ ค.885/2566 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 36/1990 อาคารชุดเดอะโพลิเทน อควา(เฟส4) ชั้น29 ซ.นนทบุรี15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนท บุรี จ.นนทบุรี
ก่อนทำการจับกุมตัว น.ส.นารีรัตน์ ลามอ อายุ 42 ปี (เสื้อดำ ผู้ขายบัญชี) นายกุลนันทน์ จินดาเพ็ชร์ อายุ 32 ปี น.ส.อารีรัตน์ จุ้ยเจริญ อายุ 38 ปี น.ส.ธรารัตน์ เฉลิมพันธ์ อายุ 30 ปี (ผู้ซื้อ) ได้ ที่บริเวณล็อบบี้คอนโดเดอะโพลิเทน อาคารชุดเดอะโพลิเทน อควา(เฟส4) ชั้น1 ซอยนนทบุรี15 ต.บางกระสอ จ.นนทบุรี ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 36/1990 อาคารชุดเดอะโพลิเทน อควา(เฟส4) ชั้น29 ซ.นนทบุรี15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนท บุรี จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง คือ 1.สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 10 เล่ม 2.บัตรกดเงินสด 7 ใบ 3.ซิมมือถือ 3 อัน 4. iPad Air สีน้ำ เงิน จำนวน 1 เครื่อง 5.โทรศัพท์ Samsung Galaxy Note ๑o Lite สีเงิน 1 เครื่อง 6.โทรศัพท์ Ipone 13 Pro Max สีฟ้า 1 เครื่อง 7.โน๊ตบุ๊ค Acer Nitro สีดำ- แดง 1 เครื่อง ตำรวจแจ้งข้อหาตาม พ.ร.ก.ป้อง กันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 9 ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาท ถึงห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 10 ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประ การที่รู้หรือควรรู้ว่าจะน่าไปใช้ในการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโน โลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว. นนทบุรี เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวานที่ผ่านมาวันที่ 26 ต.ค.66 เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ สืบสวน จังหวัดนนทบุรี ได้วางกำลัง วาง แผนดักซุ่มกลุ่มบุคคลดังกล่าวบริเวณคอนโดเดอะโพลิเทน อ.เมืองนนทบุรี จากนั้นไม่นานได้มีหญิงสาวรายหนึ่งทราบชื่อคือ น.ส.นารีรัตน์ ได้นำบัญชีมาขายให้กับทางกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีการนัดนั่งโต๊ะพูดคุยซื้อขายบัญชี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังดักซุ่มอยู่จึงได้เข้าแสดงตัวและบัตร รวมถึงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนทำการตรวจค้นพบของกลาง เป็นสมุดบัญชีจำนวน 3 เล่ม อยู่ในมือของน.ส.ธรารัตน์ ผู้รับซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบถามทางผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีการซื้อขายรับจ้างเปิดบัญชีม้า มีการออกไปหาลูกค้าที่ทำการเปิดบัญชีมีค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 2,000 -3,000 บาท ทางผู้ต้องหาก็จะรวมรวมบัญชีม้าดังกล่าวเพื่อจะไปทำธุรกรรมไปขาย ให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์หรือกลุ่มเว็บพนัน แต่ทางตำรวจได้ทำ การจับกุมสกัดกั้นได้ก่อน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.ธรารัตน์ เฉลิมพันธ์ ไปยังห้องพักแห่งหนึ่ง ซ.นนทบุรี15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ก่อนได้แสดงหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าทำ การตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบของกลาง เป็นสมุดบัญชีจำนวน 10 เล่ม ซิมโทร ศัพท์มือถือ 3 อัน บัตรกดเงินสด 7 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง ทางผู้ต้องหาได้รับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตัวเอง พร้อมให้ การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ทางเจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งหมดทราบและเข้าใจดีแล้ว เจ้าพนัก งานตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนัก งานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุดท้ายอยากฝากถึงประชาชนทุกคนที่จะกำลังจะเปิดบัญชีม้าเพื่อไปขายให้กับคนที่มารับซื้อ ว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดอัตราโทษสูง ซึ่งในปัจจุบันได้มี พระราชกำหนด ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 ที่ผ่านมามีโทษสูงกว่าเดิม คนที่อนุญาตให้คนอื่นเปิดบัญชีหรือนำบัญชีของตัวเองไปให้ผู้กระทำความผิดไปใช้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกินสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นโทษที่สูงมาก หากมีการเปิดบัญชี 5 เล่มก็โดนตามความผิด 1 กรรม 1 กระทง ก็รวมกันเป็นติดคุก 15 ปี ส่วนของผู้ที่มีการเป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาท ถึงห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนว่าอย่ากระทำลักษณะแบบนี้เพราะสุดท้ายตัวเองจะกลายเป็นผู้ต้องหาเข้าไปอยู่ในเรือนจำเสียเอง จำนวนเงินที่ได้กับโทษที่โดนมันไม่คุ้มค่ากัน.
Discussion about this post